Puinoon Trip Blogger

สวัสดีครับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของผม ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า จุดประสงค์ที่จัดทำ Blog นี้ขึ้นมานี้ก็เพื่อที่จะจัดเก็บและรวบรวมสิ่งต่างๆ ที่ตัวผมเองนั้นชื่นชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การถ่ายรูป การแต่งภาพ การเล่นกีต้าร์ การทำอาหาร และสิ่งต่างๆอีกมากมาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ กับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจและชื่นชอบในสิ่งเดียวกับที่ผมชอบ ไม่มากก็น้อย ผมหวังว่า Blog นี้ จำทำให้หลายๆคน ได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์และความรู้ไม่มากก็น้อย ผมจะพยายามหาสิ่งที่มีประโยชน์และความรู้มาให้ชมกันอีกนะครับ ขอบคุณมากครับ ..... >>>ปุยนุ่น<<<


วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

นิมมานต์เหมันต์ทริป

นิมมานต์เหมันต์ทริป

เป็นทริปกลางๆใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน กับสมาชิกที่ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 ชีวิต วางแผนก่อนการเที่ยวครั้งนี้ประมาณเกือบ 2 ปี ว่าจะ ว่าจะ ไปแต่ก็ไม่ได้ไปสักที แต่ต้นเหตุที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้นก็เพราะงานแต่งงานเพื่อนสนิท เลยได้โอกาส เริ่มจากการชวนน้องที่ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน และก็ชวนน้องที่เคยไปเชียงใหม่ค่อนข้างบ่อย ตอบตกลงทั้งคู่ สบายแล้วมีเพื่อนร่วมทาง ทุกคนคอนเฟิร์มหมด คราวนี้เป็นหน้าที่ของ หัวหน้าทัวร์อย่างผม วางแผนทุกอย่าง จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก หาร้านอาหาร หารถเช่า คำนวณราคาน้ำมันที่ต้องใช้ทั้งหมด บอกตรงๆว่ายากมากพอสมควร ลำบากใจนิดหน่อยกลัวเงินไม่พอ
สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวันให้ได้ดีๆเพราะมีผลต่อราคาเครื่องบิน และวันที่จะต้องลางาน ได้วันที่แน่นอนก็คือ วันศุกร์ที่ 4 พ.ย.59 และกลับวันอังคารที่ 8 พ.ย.59 เมื่อได้วันแล้วสิ่งแรกก็คือจองตั๋วเครื่องบิน พอดีวันนั้น ไทยไลออน แอร์ปล่อยโปรโมชั่นพอดี วันที่เราไปเป็นวันศุกร์จะไม่มีราคาพิเศษ เพราะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะราคาปกติ แต่เราได้ราคาดีคือวันกลับ เป็นวันอังคารค่าตั๋วประมาณ 425 บาท ถือว่ายังโชคดีอยู่ แต่ว่าราคาตอนเดินทางไปประมาณ 1,350 บาท - 1,500 บาท เพราะถ้าจองแบบแยก จะได้ราคาประมาณนี้ ถ้าจองรวม 6 คนจะได้ ราคา 1,800 บาท (ซึ่งจะแพงกว่า) สรุปเดินทางกับไทยไลออนแอร์ ไม่เกิน 2,000บาท ไป-กลับ ถือว่าราคาพอใช้ได้เลย จากนั้นเริ่มหาที่เที่ยวและร้านอาหารที่จะไป แบบคร่าวๆ ซึ่งจะได้หาที่พักให้ใกล้กับร้านหรือแหล่งที่เราจะไปเที่ยว จากนั้นเริ่มดูที่พักและราคา (ราคาทริปนี้คุยกันไว้ว่าไม่เกิน 800บาท/คืน) เข้าไปดูคอมเมนต์ต่างๆ ใน Agoda ทำการจองอยู่ประมาณ 3-4 วันกี่ได้ที่พักสำหรับ 4 คืน มีจองจาก Agoda บ้าง จองโฮมสเตย์ โดยโอนเงินมัดจำบ้าง สุดท้าย ผ่านมาก 2 สัปดาห์ ก็ได้ทำการจองรถเช่า ซื้อ เดินทาง 6 คน รถที่ประหยัดที่สุดและสภาพดีก็คือ Honda BRV วันละ 1,500 บาท ของบริษัท ชิค คาร์เร้นท์ คำนวณค่ากินค่าน้ำมัน แล้ว ไม่รวมค่าเครื่องบิน ตกประมาณคนละ 4,100 บาท โดยเก็บเงินรวมเป็นกองกลางไว้เลย 
    วันแรกที่ออกเดินทาง วันที่ 4 พ.ย.59 เดินทางไปที่สนามบินดอนเมือง ถึงประมาณ 06.30น. เครื่องออกเวลา 08.45 น. เพื่อความพร้อมเลยมาถึงเร็วนิดนึงนะครับ
พอมาถึง ก็ทำการ Check in และโหลดกระเป๋า ได้เลย (**ไทยไลออนแอร์ สามารถโหลดกระเป๋าฟรี 15 Kg และ Check in แบบ Online เลือกที่นั่งได้ก่อนเวลาเดินทาง 24 ชม. ฟรีนะครับ**) 




ที่ตั๋วจะบอกเวลาขึ้นเครื่องนะครับ แต่เวลาออกจริง 08:45 เหมือนตอนที่จอง โหลดกระเป๋าก่อนเครื่องออก 45 นาทีนะครับ เลยต้องรีบมาแต่ว่ามาถึงก่อนนานไปหน่อยเลยต้องหาอะไรทำสักอย่างแล้ว เดินไปโดยไม่ต้องรออะไรครับ  BURGER KING

คือไม่ได้หิวนะแค่อยากกินและฆ่าเวลา เฟรนฟราย ก็แค่อร่อยกว่า

ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ประมาณ 10:00 น. โดยประมาณ ลงจากเครื่องรอประเป๋าที่โหลดประมาณ 10 นาที ติดต่อรับรถ  ของบริษัท ชิค คาร์เร้นท์ ทางเค้าเตอร์ประตูทางออก 1 โดยเตรียมเอกสาร 3 อย่าง บัตรประจำตัวประชาชน ใขับขี่ บัตรเครดิต ที่มีวงเงินคงเหลือ(ค่าเช่ารถทั้งหมด + 20,000) โดยชื่อต้องเป็นบุคคล คนเดียวกันทั้งหมด จากนั้นก็ไปรับรถโดยพิจารณาตำหนิให้ตรงกับเอกสารที่มี ว่ามีตำหนิตรงกันหรือเปล่า สิ่งที่ไม่รวมอยู่ในประกัน ยางรั่วแล้วบดยาง รถเลาะยางมะตอย 



พอได้รถก็ขับไปตั้งหลักที่ปั้มน้ำมัน ปตท. หน้าสนามบิน เพราะยังไม่คุ้นเคยกับรถรุ่นนี้สักเท่าไหร่ปรับกระจกโน้นนี่ ดูการเปิด-ปิดกระจก หา usb และอื่นๆ เข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟ ซื้อขนม ต่างๆ จากนั้นมุ่งไปที่ร้าน ต๋อง เต็มโต๊ะ ตามที่ทำสมุดผังการท่องเที่ยวมาคร่ววๆ ขอบคุณ GPS นำทางสู่ร้านต๋อง เต็มโต๊ะ ซื้อจอดรถหน้าร้านพอดี ไม่มีคนเลยสักโต๊ะ กลุ่มเราเป็นโต๊ะแรก (เพราะรู้ว่าร้านเปิด 11:00น. เราก็เลยถึงเวลา 11:00น. พอดี ถ้ามาสายกว่านี้โต๊ะจะเต็มแล้วจะรอนาน) ลงไปนั่งที่โต๊ะสิ่งแรกที่ต้องสั่งคือ ออร์เดิฟเมือง แกงฮังเล แกงส้มผักหวานไข่มดแดง จิ้น เพราะเราจดไปในหนังสือแผนการเที่ยวทริปนี้ว่าจะสั่งอะไรบ้าง  แต่สิ่งที่ไม่ได้จดแต่สั่งก็คือ ผักหวานผัดไข่ อร่อยมากๆ พอได้ครบเกือบทุกอย่าง เหลือเมนูพระเอก ออร์เดิฟเมือง ยังไม่ได้ ถามว่าลืมหรือเปล่า น้องเค้าบอกว่ายังไม่เสร็จ พอถามเสร็จก็มาเลย เมนูนี้อร่อยแต่ว่าทุกคนเริ่มนิ่งเพราะรู้สึกว่าจะเริ่มอิ่มกันแล้ว เวลาผ่านไป 45 นาที 11:45 น. เราหันไปมองรอบกาย โต๊ะทุกโต๊ะในร้านนี้เต็มหมดแล้ว เหมือนคำที่คนเคยไปมาแล้วบอกว่า ต๋อง โต๊ะเต็ม และต้องรอนาน 55+ แต่ไม่ได้กินผมหรอกครับ เวลาเป๊ะมากครับ  พวกเราไม่เข้าใจคำว่า"จิ้น" สักเท่าไหร่ คิดว่ามันคือเนื้อ สรุปมื้อนี้ เจ้า จิ้นนี่แหละ อร่อย สุด เนื้อก้อนโตๆนุ่นๆ รสชาติ ดีมาก คนไม่กินเนื้อก็ได้แต่มอง สุดท้ายถามเด็กเสิร์ฟ เด็กบอกว่าเป็นหมู เท่านั้นแหละ คนไม่กินเนื้อหยิบเข้าปากเลย แต่โชคร้ายเหลือชิ้นสุดท้ายแล้วเป็นชิ้นเล็กๆ  ทำให้ได้ลิ้มรสแค่คำเดียว แผนการของเราคืออิ่มจากร้านนี้แล้วจะไปกินไอติม ของหวานที่ร้าน Iberry ของพี่โน๊ต แต่ลูกทัวร์ทุกคนบอกเป็นคำเดียวกันว่าไม่ไหวแล้ว อิ่มมาก ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนการ  คือ ไม่ไปร้านพี่โน๊ตแล้ว ขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพกันต่อดีกว่า อืมลืมบอกว่า อาหารที่สั่งมาทั้งหมด 5 อย่าง เบียร์ 1 ขวด น้ำเปล่า 2 ขวด น้ำแข็งเปล่า 1 ขัน ราคา 500 บาท 4 คนอิ่มกันมาก(ลืมบอกไป อีก 2 คน นั่งเครื่องตามมาบ่าย 3 โมงนะครับ เพราะปัญหาบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น) จากนั้นไปที่รถเพื่อขึ้นดอยสุเทพ ปัญหาเริ่มเกิดแล้วครับ รถสตาร์ทไม่ได้ (ไม่ได้เสียนะครับผมสตาร์ทไม่เป็น) ลองผิดลองถูกกันอยู่เกือบ 10 นาที สรุป ต้องเหยียบเบรกก่อนถึงจะกดปุ่มสตาร์ทได้ 

ออร์เดิฟเมือง (พระเอกของร้านนี้สั่งกันทุกโต๊ะ)
จิ้น (หมูทอดหรือเปล่าแต่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเนื้อ)
ไข่มดแดง

แกงส้มผักหวานไข่มดแดง (เผ็ดมากๆ)

ผักหวานผัดไข่ (หอมกระเทียมด้วยนะ)













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น