Puinoon Trip Blogger

สวัสดีครับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของผม ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า จุดประสงค์ที่จัดทำ Blog นี้ขึ้นมานี้ก็เพื่อที่จะจัดเก็บและรวบรวมสิ่งต่างๆ ที่ตัวผมเองนั้นชื่นชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การถ่ายรูป การแต่งภาพ การเล่นกีต้าร์ การทำอาหาร และสิ่งต่างๆอีกมากมาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ กับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจและชื่นชอบในสิ่งเดียวกับที่ผมชอบ ไม่มากก็น้อย ผมหวังว่า Blog นี้ จำทำให้หลายๆคน ได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์และความรู้ไม่มากก็น้อย ผมจะพยายามหาสิ่งที่มีประโยชน์และความรู้มาให้ชมกันอีกนะครับ ขอบคุณมากครับ ..... >>>ปุยนุ่น<<<


วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จันทารา วัลเล่ย์ วังน้ำเขียว ( Chantara Valley )

จันทารา วัลเล่ย์ วังน้ำเขียว ( Chantara Valley )


จันทารา วัลเล่ย์ วังน้ำเขียว
   
         วังน้ำเขียว ผมเคยได้ยินแต่ชื่อรู้ว่าอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา รู้ข่าวมาบ้างว่าบางรีสอร์ทมีการบุกรุกที่ป่าไม้และทางกรมป่าไม้สั่งให้รื้อถอน และอากาศดีมากเป็นสถานที่ที่มีโอโซนเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ได้มีชื่อว่า สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน อยู่ในหุบเขา มีรีสอร์ทสวยๆมากมาย อยู่ใกล้เขาใหญ่ นี่คือความรู้ทั้งหมดที่ผมมีกับวังน้ำเขียว มีแค่นี้จริงๆ และการมาพักผ่อนในครั้งนี้ผมเลือกมาฤดูหนาว เริ่มต้นจาก Agoda เหมือนเดิมครับ Search Google คำว่า เที่ยววังน้ำเขียว Agoda แล้วก็เริ่มดูคะแนนรีวิวจากคนที่เคยมาพักวิจารณ์กัน และก็ดูภาพสถานที่โดยรอบ ห้องพัก   และอื่นๆประกอบ ที่ผมตัดสินใจเลือกพักที่นี่บอกตรงๆก็คือ ผมชอบป้ายปูนของที่พักแห่งนี้ทำไว้สวยเลยทีเดียวครับ ลานกางเต้นท์ก็สวยและที่สำคัญมีโลโก้ของเครื่องดื่มยี่ห้อที่ผมชอบเป็นพิเศษ 3 อย่างนี้เป็นเหตุให้ผมเลือกพักที่นี่ครับ แต่ปัญหาก็คือที่พักคืนวันเสาร์เต็มตลอดไปจนถึงเดือนหน้า แต่ยังไงผมก็ยืนยันในการพักผ่อนที่นี่ การแก้ปัญหาก็มีอยู่ทางเดียวครับ พักวันอื่นที่ไม่ใช่คืนวันเสาร์ และก็โชคดีครับ วันอื่นๆที่พักว่างพอสมควร ผมจึงทำการจองผ่าน Agoda ตามที่คุ้นเลย 
ลานกางเต้นท์รูปเกือกม้าของทางที่พัก
  การเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตรครับ บวก ลบ นิดหน่อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงครับ ผมเลือกเดินทางโดนเส้นทาง Motorway โดยทางออกฉะเชิงเทราผ่านพนมสารคามและกบินทร์บุรี มุ่งหน้าสู่เขาแผงม้า วังน้ำเขียว ผมว่าเส้นทางนี้วิ่งง่ายทางค่อนข้างดี วิ่งตรงตลอดครับ แต่จะเสียเวลาตอนขึ้นเขาหน่อย เพราะเป็นเขตห้ามแซงและสิบล้อวิ่งเยอะมาก จึงทำให้เสียเวลากับตรงนี้ครับ ส่วนทางขึ้นเขาไม่ลาดชันครับ รถทุกประเภทขับขึ้นได้สบายๆ ทางเข้าที่พักมีป้ายบอกทางไว้อย่างชัดเจน ไม่หลงแน่นอนครับ อันนี้ต้องขอชมครับเพราะที่พักบางที่หาป้ายบอกทางไม่ค่อยเจอ 
สำนักงานและที่รับประทานอาหารของ จันทารา วัลเล่ย์ วังน้ำเขียว
จากถนนเส้นหลักมาเรื่อยๆ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางวังน้ำเขียว วิ่งตรงมาสักพัก (ทางเดียวกับทางไปฟลอร่า วังน้ำเขียว แต่ถึงก่อนประมาณ 1 กิโลเมตร ) ทางซ้ายจะมีป้ายบอก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป ทางจะเป็นทางเล็กๆ ค่อนข้างชัน  และมีฝุ่นพอสมควร เข้าไปไม่ไกลก็จะถึงครับ มาถึงที่พักติดต่อกับน้องที่เคาน์เตอร์เลยครับ ผมเลือกพักบ้านฮันนีมูนเป็นห้องพักเตียงคู่ ห้องขนาดกลางอยู่แถวที่สองแต่ติดถนน และเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดคือ ขับรถขึ้นมาจอดข้างๆบ้านได้เลย เพราะวันนั้นไม่มีคนมาพักที่ลานเต้นท์
บริเวณเคาน์เตอร์
  พอเข้าถึงที่ห้องพัก ก็สำรวจก่อนครับ ที่นี่ไม่มีกาต้มน้ำร้อนครับ ถ้าใครพาเด็กเล็กมาผมแนะนำให้นำกระติกต้มน้ำร้อนมาเองครับ และ ห้องอาบน้ำมีอยู่ด้วยกัน 2 ห้องและ 2 แบบด้วยกันครับ ส่วนอื่นๆก็เหมือนกับที่พักอื่นๆตามปกติครับ ในตู้เย็นก็เหมือนๆกันครับมีเครื่องดื่มที่เป็นน้ำเปล่าให้ 2 ขวด และเครื่องดื่มอื่นๆ เบียร์สิงห์กระป๋องละ 60 บาท น้ำแร่ 20 บาท ราคาประมาณนี้ครับ พอถึงวางข้าวของขนข้าวของเสร็จแล้วก็ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบครับ จะมีบริเวณกว้างพอสมควร โดยเฉพาะลานกางเต้นท์ที่อยู่ตรงข้ามซึ่งมีถนนกั้นไว้ และจัดสวนไว้อย่างสวยเลย สาวๆและตากล้องคงชอบกัน โดยเฉพาะเด็กๆ วิ่งกันสนุกไปเลย สวนอยู่ใกล้กับที่รับประทานอาหาร
ลานสวนหย่อม
   ส่วนเรื่องอาหารเย็นผมไม่แน่ใจว่าในรีสอร์ทนี้มีหรือเปล่าครับ เพราะว่าผมไปนั่งดื่มมา 1 ขวด ไม่มีใครไปสั่งอาหารเลย แต่ถ้าออกไปกินข้างนอกก็ไม่ไกลครับ ปากทางออกมีร้านอาหารอยู่หลายร้านเลย แต่ว่าอาหารเช้า ฟรี ครับ อาหารเช้าก็มีไม่มากแต่อร่อยสุดๆ ทำคล้ายๆกับโฮมสเตย์ มีข้าวต้มหมูเด้งเห็ดหอมสด ที่อร่อยมากถึงอร่อยที่สุดที่มีพี่แม่ครัวคอยบริการตักให้ และใจดีมากเพราะว่าเติมได้ตลอดครับ อย่างที่ 2  ขนมปังปิ้งทาเนยหรือเยมสตอเบอรี่และสับปะรด อย่างที่ 3 ก็ปลาท่องโก๋ นมข้นหวาน โอวันติน-กาแฟ ครัวเช้าเปิดให้บริการ 08.00-09.30 น. ครับ

อาหารเช้า
ข้าวต้มหมูเด้งเห็ดหอมสดสุดอร่อย
   
ในวันที่ผมไปพัก อากาศเริ่มหนาวเป็นวันแรกๆ ประมาณ 17-19 องศาได้ ลมพัดแรงเป็นช่วงๆ ส่วนส่วนตัวแล้วประทับใจกับที่นี่ครับ บริการเป็นกันเอง อาหารอร่อย พี่แม่ครัวใจดี ที่พักสะอาด เตียงนอนใหญ่นิ่มนอนสบายไม่ปวดหลัง มีเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อยไว้บริการ  ราคาที่พักปานกลางไม่แพงเวอร์ ธรรมชาติยังสมบูรณ์ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว "ฟลอร่า พาร์ค" เลยไปแค่ 1 กิโลเมตรกว่าๆ เองครับ (**ค่าบัตรเข้าชม ฟลอร่า พาร์ค วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุด 150 บาท วันธรรมดา 120 บาท แต่ถ้าซื้อบัตรที่ จันทารา วัลเล่ย์ ราคา 100 บาท ทุกวันครับ** )

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง "ฟลอร่า พาร์ค"

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ป้าจง ตลาดพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

                                       ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อป้าจง ตลาดพนมสารคาม

              ถ้าพูดถึงก๋วยเตี๋ยวปากหม้อหลายๆคนอาจสงสัยว่าหน้าตามันเป็นยังไง บางคนอาจแค่เคยได้ยินชื่อแต่ว่าไม่เคยเห็นหน้าตาและได้ชิมรสชาติ และบางคนอาจได้ลิ้มรสของเจ้าก๋วยเตี๋ยวปากหม้อนี้แล้ว อย่างไรก็ตามผมเป็นพวกที่ยังไม่เคยได้ชิมแต่ว่าเคยได้ยินชื่อมาบ้าง และก็เคยได้ยินมาว่าที่ตลาดพนมสารคาม มีร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อชื่อดังอยู่ 1 หรือ 2 ร้าน นี่แหละ ก็เลยขับรถเข้าไปในตลาดและก็ลอง Search ใน Google ดูครับ ปรากฎว่าเจอชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเจ๊ติ๋มและก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเจ๊ยูร ก็ขับรถวนหาไปเรื่อยๆ ไม่เจอร้านเจ๊ติ๋ม แต่เจอร้านเจ๊ยูร แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า เจอร้านแล้วคนเต็มร้านแล้วก็ไม่มีที่นั่ง สั่งก็สั่งไม่เป็น ได้แต่มองดูแม่ค้า(คงจะเป็นเจ๊ยูรมั้งครับ) นั่งทำปากหม้อทีละอันๆ ให้ลูกค้าทีละชามที่นั่งล้อมวงกันอยู่


  ร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเจ๊ยูร

           อีกด้านของร้านทางหน้าร้านมีผู้คนต่อแถวซื้ออะไรสักอย่าง ผมก็เลยไปต่อมั่งเพราะคิดว่าคงต้องอร่อย อาหารที่ผมต่อนั้นคือลูกชิ้นและไส้กรอกทอดครับ ผมซื้อรวมกัน 40 บาท อิ่ม 2 คนแบบสบายๆท้องเลย อร่อยมากครับสมกับที่ต่อคิวยาวๆ แต่ว่าก๋วยเตี๋ยวปากหม้อก็อดครับเพราะทนรอไม่ได้จริงๆ มันนานมาก ก็เลยขับรถวนหาร้านอื่นๆ ผ่านไปก็เห็นอีกร้านแต่ว่าคนไม่เยอะแต่ก็เต็มที่นั่งนั่นแหละ เพราะโต๊ะเค้ามีกันแค่ 2-3 โต๊ะในร้าน ก็ยังไม่ได้แวะ จนกระทั่งขับออกจากตลาดไปจนเกือบถึงปากทาง เจอร้านคนน้อยและกำลังจะออกจากร้านผมยิ้มเลย คราวนี้ไม่เสียเที่ยวแน่ครับ ได้กินแน่ๆ พอลูกค้า 2 ท่านลุกออกจากร้าน ยังมีลูกค้าอีกท่านหนึ่งนั่งอยู่แต่ว่าไม่ได้กินที่ร้านนะครับ เจ๊คนนั้นสั่งกลับบ้าน 2 ชุดๆละ 50 บาทกับ 70 บาท ชุดละ 50 น่าจะประมาณ 10ตัว ชุดละ 70 น่าจะประมาณ 15-20 ตัวไม่แน่ใจครับ ร้านนี้ชื่อปากหม้อป้าจงครับ พอผมนั่งป้าจงแกก็ค่อยๆทำให้ลูกค้าที่สั่งกลับบ้านทีละชิ้นๆ ผ่านไปเกือบ 10 นาที แกถามผมว่า เอาน้ำซุปอะไร ที่ผมได้ยินก็คือ กระดูกหมู เลือด ลูกชิ้น ผมก็เลยสั่งกระดูกกับเลือดครับ แกไปตักน้ำซุปมาให้ผม ในน้ำซุปก็มีกระเทียมเจียว ต้นหอมซอย เหมือนก๋วยเตี๋ยวทั่วไป 

                                                   หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อป้าจง 

แล้วแกก็บอกให้ผมปรุงรส ผมก็ไม่ได้ปรุงอะไรนั่งรอ แกก็ทำให้ลูกค้าคนนั้นต่ออีกสัก 4-5 ชิ้น แล้วก็ทำมาใส่จานผม 1 ชิ้น แล้วก็ไปทำให้ลูกค้าคนที่สั่งกลับบ้านคนเดิมอีก 4-5 ชิ้น แล้วก็มาใส่ชามผม 1 ชิ้น ผมก็รอแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ จนป้าจงแกทำให้ลูกค้าคนนั้นเสร็จ ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงครับ (ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อนี่คนใจร้อนหรือคนที่หงุดหงิดง่ายกินไม่ได้ครับ สำหรับคนใจเย็นเท่านั้น 555+) จึงทำให้ผมครบ 10 ชิ้น ผมก็ปรุงรส ลืมบอกครับแกถามว่าเอาไส้อะไรบ้าง ผมบอกว่าเอาทุกอย่าง แต่ที่ผมเห็นก็มี ถั่วฝักยาวหั่น ถั่วงอก และอะไรไม่รู้อีก 3 อย่าง มีทั้งหมด 5 ไส้ครับ  

                                                      ไส้ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ

จากนั้นผมก็กินไปเรื่อยๆ ป้าจงแกถามว่าเอาเพิ่มมั้ย ผมบอกว่าพอแล้วครับเพราะแค่อยากลอง แต่ก็อร่อยจริงๆ จากนั้นผมจึงคุยกับป้าจงว่า ที่นี่เป็นร้านแรกหรือเปล่า ป้าแกตอบว่าไม่ใช่เจ้าแรก แต่ป้าขายมา 12 ปีแล้ว และในตลาดนี้ก็มีอยู่ประมาณ 20 กว่าร้าน โห ผมวนรถหาตั้งนานนึกว่ามีอยู่ 2 ร้าน คุยๆกับป้าจงแกไปเรื่อยๆระหว่างกินและคุยนั้น ก็มีรถมาจอดซื้อรถเข็นที่อยู่หน้าร้านป้าแก ไม่ขาดระยะระหว่างกิน อยู่ ประมาณ 4-5 คันได้ ผมก็เลยสงสัยว่าขายอะไร เป็นรถเข็นขายกล้วยปิ้งทุบ อร่อยมากครับ ไม่เสียดายเลยครับที่เข้ามาในตลาดพนมฯ ของกินทั้ง 3 อย่างอร่อยที่สุด ทั้งก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ลูกชิ้น และกล้วยทุบ
ป้าจง(เจ้าของร้าน)

ร้านป้าจงมีโต๊ะ 2 ตัว ซ้ายกับขวา ส่วนป้าจงนั้นนั่งตรงกลางครับ รองรับลูกค้าได้ประมาณครั้งละ 8 คนเห็นจะได้ ปากหม้อสองหม้อนี้แหละครับที่ป้าจงบรรจงทำปากหม้อแบบสดๆให้เราทีละชิ้นๆ เลย

น้ำซุป
น้ำซุปชามนี้ป้าจงตักมาให้เพื่อรอปากหม้อสดๆจากเตามาใส่ทีละชิ้น ก่อนที่จะได้ผมแอบชิมน้ำซุปเปล่าๆของป้าจงโดยที่ไม่ปรุงอะไรเพิ่ม รสชาติดีเลยทีเดียวหอมน้ำต้มกระดูก กระเทียมเจียว เค็มเล็กน้อย (แค่น้ำซุปเปล่าๆก็อร่อยแล้ว 55+)
ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ป้าจง

และนี่ก็คือหน้าตาก๋วยเตี๋ยวปากหม้อร้านป้าจงที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว แม้จะรอนานไปหน่อยแต่กับความอร่อยและความสดใหม่แล้ว สมกับการรอคอยเลยครับ และนี่ก็คือก๋วยเตี๋ยวปากหม้อชามแรกในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ครับ น่ากินมั้ยครับ ถ้าใครไม่เคยกินก็ไปลองซะครับ (แล้วจะติดใจ )
วัสดุที่ใช้ทำปากหม้อ

ผมนั่งดูป้าจงทำ 1 ชิ้นใช้เวลานิ่งไอน้ำจากหม้อนี่ประมาณ 10 - 15 วินาทีครับ กินไปดูไปก็เพลินดีเหมือนกันครับ ผมถามแกว่าทำไมไม่ทำใส่ตู้ไว้ก่อน ลูกค้ามาจะได้ตักใส่เลย จะได้เร็วๆ และขายได้เยอะๆ ป้าแกบอกว่าลูกค้าบางคนไม่ชอบเพราะไม่สด แต่ผมก็คิดในใจว่ามันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่มันคงเป็นเสน่ของก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ พนมสารคาม เค้าแหละครับ
กล้วยปิ้งทุบ
เมื่อกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้วก็ต้องตามด้วยของหวานสักหน่อย ร้านกล้วยนี่อยู่หน้าร้านป้าจงเลย เดินมาสั่งได้เลยครับไม่ไกล อร่อยมากครับ รสหวานทานง่าย หวาน หอม มัน ถ้าไม่ลองแล้วจะเสียใจ แต่ถ้าลองแล้วอาจติดใจต้องสั่งกลับบ้านครับ ทั้งสองร้านนั่นแหละ บอกได้คำเดียวว่า สุโค่ย

การเดินทาง

        ร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อป้าจงจะสังเกตุง่ายครับ ถ้ามาจากแปดริ้ว (ฉะเชิงเทรา) เมื่อถึงสี่แยกพนมสารคามให้เลี้ยวซ้ายไปเข้าไปประมาณ 150 เมตร ร้านจะอยู่ทางด้านขวามือติดกับถนนเลยครับ ไม่ต้องเข้าซอย เล็กๆ เหมือนร้านอื่นๆ