นิมมานต์เหมันต์ทริป(2)

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร

จุดชมวิว

อากาศข้างบนเริ่มเย็นๆแดดแรงพอสมควร แวะชมวิวตัวเมืองเชียงใหม่ ไหว้พระธาตุ นั่งเล่นลมเย็นๆ เดินถ่ายรูปและหลังจากขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพเสร็จ  ก็ลงไปรับ สมาชิกอีก 2 ท่านที่สนามบิน ประมาณ 15:00 น. แต่รถติด ถึงสนามบิน 15:30 น. จากนั้นเดินทางเข้าที่พัก ดอนจั่น เรสซิเด้นซ์ เวลาประมาณ 16:00น. วันนั้นโชคไม่ดี ไฟฟ้าดับรอไฟฟ้าประมาณเกือบชม. พอขนกระเป๋าเดินทางขึ้นชั้น 4 ปุ๊ป ไฟฟ้ามาปั๊ป เหมือนจะแกล้งกัน ที่พักใหม่สะอาด ที่นอนนุ่นมาก ดีที่สุดในทริปนี้ครับ ราคาอยู่ที่ประมาณ 600-800 ครับ ถือว่าเหมาะสมแล้วคุ้มกับราคามาก มีอาหารเช้าด้วย ถ้าคราวหน้าไปเชียงใหม่จะพักที่นี่แน่นอน พออาบน้ำ เก็บของเสร็จ เวลา 18:00น. ดำเนินการตามแผนการต่อ คือ ไปรับประทานอาหารมื้อค่ำที่ร้าน รออยู่ตรงนี้ แถวตลาดต้นพยอม ร้านนี้เป็นร้านของ กานต์ วง ฮัม ครับ คิดว่าจะไปเจอ  แต่ไปถึงรถติดมากๆ หลงด้วย จอดรถไว้ข้างถนนแล้วเดินผ่านตลาดไปแบบงงๆ ครับ ถึงร้าน สั่งอาหาร ถามเด็กเสิร์ฟว่าพี่กานต์ อยู่มั้ย เด็กไม่รู้จัก 55+ น้องเค้ามาทำงานวันแรกอ่ะครับ  คุยกับคุณกานต์ทางข้อความก็ไม่ตอบ (เค้าติดธุระไม่ได้มาที่ร้าน)  สั่งอาหารไปประมาณ 10 อย่างได้ เผ็ด แซ่บเกือบทุกอย่าง สมาชิกทริปนี้ชอบกินเผ็ดกัน เข้าทางผมเลย บรรยากาศภายในร้าน ก็มีด้านใน ด้านนอกร้าน แต่วันนั้นไม่มีดนตรีสด ปกติจะมี วันพุธ กับวันศุกร์ อาหารมาผมติดใจชื่อเมนูนี้มากครับ "ผัดฉ่าซู่ซ่าปลาดุกทะเล"  ราคาก็ไม่แพงเช่นกัน สั่งประมาณ 10 อย่าง ราคา 1,000 บาทครับ (ร้านนี้ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครับ จึงทำให้เรานั่งกินกันแค่ 1 ชม.กว่าๆ กินเสร็จก็ถ่ายรูปเล่นกัน แล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถ ไกลมากตลาดปิดประตูเหล็หต้องเดินอ้อม (ในใจคิดเกิดมาไม่เคยเห็นตลาดปิดประตู) งงซิครับ เดินอ้อมไปอีกทางมีร้าน 7-11 ซื้อ...เครื่องดื่ม...ไปต่อที่ห้อง สัก 4-5 ขวดกำลังหลับสบาย   

                                                

หน้าตาอาหารร้าน "รออยู่ตรงนี้" ก็ประมาณนี้น่ะครับ นั่งด้านนอกมีพัดลมยุงอาจจะเยอะนิดนึงนะครับ ตอนกลางวันเปิดเป็นร้านกาแฟ และมีอาหารขายด้วย ถ้าใครชอบอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อนก็ลองไปชิมกันได้นะครับ 

เตียงนุ่มๆที่ดอนจั่น เรสซิเด้นซ์

เช้าวันที่ 5 พ.ย.59 ตื่นกันแต่เช้าไปงานแต่ง ต้นเหตุของทริปนี้ จนถึงช่วงประมาณ 13:00น.ที่โรงแรม ดิ เอ็มเพรส

 เสร็จจากงาน จากกำหนดการที่คุยกันไว้ว่าจะไปบ้านพักที่แม่โจ้เลย จองที่พักไว้ชื่อ วิมาน่า ไว้แต่ว่าเวลายังเหลืออีกเยอะ พอที่จะไปเที่ยวได้อีกสัก 1 ที ก็เลยไป ม่อนแจ่ม  ที่เที่ยวสุดฮิต และได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ ทางขึ้นลำบากพอสมควรทางค่อนข้างจะเล็กและชันมาก สำหรับคนเพิ่มเคยขับรถเที่ยวเขาครั้งแรก ขึ้นไปถึงอากาศดีมากๆเย็นๆหนาวๆ แดดก็ดีมากเช่นกัน เที่ยวถ่ายรูป นั่งเล่นซุ้มไม้ไผ่ มีเด็กๆใส่ชุดชาวเขาให้ถ่ายรูปคู่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักเด็ก ท้องฟ้าเปิด ฟ้าเป็นฟ้า สวยสดงดงาม นั่งเล่นถ่ายรูปประมาณ 1 ชม. ก็เดินมาซื้อสตอเบอรี่กิน แล้วก็กลับความจริงอยากอยู่นานๆเพราะอากาศดี แต่ว่ายังไม่ได้เข้าที่พักที่จองไว้ กลัวจะเข้าไม่ถูก เพราะมืดและอยากไปร้านอาหาร อิมเมจจิ้นเฮ้าส์ตอนยังมีแสงอยู่เพราะว่าบรรยากาศรอบๆ ร้านเป็นธรรมชาติมากเลย มีทุ่งนา บ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด (ที่นี่คือเป้าหมายหลักๆของทริปนี้ด้วย) ทางเข้าที่พักไม่ไกลนักแต่ว่าเข้าซอยไปลึกเปรี่ยวพอสมควร ถึงที่พักประมาณ 16:30น.) ที่พักสะอาดพอสมควร เงียบ สงบ ไม่มีคนพักเลย มีฝรั่งพักอยู่ 1 ห้องคนเดียว น่าจะเช่าเป็นอาทิตย์หรือว่าเป็นเดือน ถ้าไม่มีฝรั่งนี่ พวกเรา 6 คนคงเหมือนปิดรีสอร์ทพัก ทั้งๆที่เป็นคืนวันเสาร์ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร แต่คนที่ดูแลถามมาจาก Agoda ใช่มั้ย ผมบอกใช่ครับ พอไปติดต่อ คนให้กุญแจบอกว่าถ้าพรุ่งนี้ออกให้เอากุญแจมาไว้ตรงนี้นะ ผมเริ่มงง เอามาไว้แล้วไม่ตรวจสอบห้องเหรอครับ เค้าบอกว่าไม่เป็นไร ไปช่วงบ่ายๆก็ได้ ถ้าไม่มีใครมาเอากุญแจวางไว้บนเค้าเตอร์ ผมไม่เคยเจอแบบนี้ครับที่นี่เป็นที่แรกที่ไว้ใจลูกค้ามาก  ผมก็เดินดูรอบๆที่พักอากาศก็เย็นๆ เดินสักพักก็เข้าห้องไปเปลี่ยนชุด เพื่อจะเตรียมตัวไปร้านอิมเมจจิ้นเฮ้าส์ เพื่ออาหารเย็นๆวุ้นๆ   และ ไปหาบอย อิมเมจจิ้น นักร้อง ที่ชื่นชอบ 

ม่อนแจ่ม

กระท่อมไม้คลาสสิค

 

เย็นลมร้อนแดด

 

                                                                                                           

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       

                                                                   

บรรยากาศภายนอกและภายในอิมเมจจิ้น เฮ้าส์ บ้านสวน 2016 มองแล้วสบายตาจริงๆครับ ดูเป็นธรรมชาติจริงๆยุงเยอะด้วย 55+ อาหารอร่อยถูกปากครับ ราคาไม่แพง เครื่องดื่ม น้ำแข็ง จ่ายเงินแล้วหยิบไปเองเลย บริการตัวเอง ส่วนอาหารจ่ายเงินแล้วพนักงานไปส่งให้ที่โต๊ะครับ วันที่ไปถือว่าโชคดีทางร้านเริ่มขาย จิ้มจุ่มเป็นวันแรกครับ เด็กเสริฟ เอาเตา กับ หมู มาให้ ลืมผัก กับน้ำจิ้ม เชื่อเลยครับว่าขายวันแรก 55+

นิมมานต์เหมันต์ทริป

นิมมานต์เหมันต์ทริป

เป็นทริปกลางๆใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน กับสมาชิกที่ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 ชีวิต วางแผนก่อนการเที่ยวครั้งนี้ประมาณเกือบ 2 ปี ว่าจะ ว่าจะ ไปแต่ก็ไม่ได้ไปสักที แต่ต้นเหตุที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้นก็เพราะงานแต่งงานเพื่อนสนิท เลยได้โอกาส เริ่มจากการชวนน้องที่ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน และก็ชวนน้องที่เคยไปเชียงใหม่ค่อนข้างบ่อย ตอบตกลงทั้งคู่ สบายแล้วมีเพื่อนร่วมทาง ทุกคนคอนเฟิร์มหมด คราวนี้เป็นหน้าที่ของ หัวหน้าทัวร์อย่างผม วางแผนทุกอย่าง จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก หาร้านอาหาร หารถเช่า คำนวณราคาน้ำมันที่ต้องใช้ทั้งหมด บอกตรงๆว่ายากมากพอสมควร ลำบากใจนิดหน่อยกลัวเงินไม่พอ
สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวันให้ได้ดีๆเพราะมีผลต่อราคาเครื่องบิน และวันที่จะต้องลางาน ได้วันที่แน่นอนก็คือ วันศุกร์ที่ 4 พ.ย.59 และกลับวันอังคารที่ 8 พ.ย.59 เมื่อได้วันแล้วสิ่งแรกก็คือจองตั๋วเครื่องบิน พอดีวันนั้น ไทยไลออน แอร์ปล่อยโปรโมชั่นพอดี วันที่เราไปเป็นวันศุกร์จะไม่มีราคาพิเศษ เพราะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะราคาปกติ แต่เราได้ราคาดีคือวันกลับ เป็นวันอังคารค่าตั๋วประมาณ 425 บาท ถือว่ายังโชคดีอยู่ แต่ว่าราคาตอนเดินทางไปประมาณ 1,350 บาท - 1,500 บาท เพราะถ้าจองแบบแยก จะได้ราคาประมาณนี้ ถ้าจองรวม 6 คนจะได้ ราคา 1,800 บาท (ซึ่งจะแพงกว่า) สรุปเดินทางกับไทยไลออนแอร์ ไม่เกิน 2,000บาท ไป-กลับ ถือว่าราคาพอใช้ได้เลย จากนั้นเริ่มหาที่เที่ยวและร้านอาหารที่จะไป แบบคร่าวๆ ซึ่งจะได้หาที่พักให้ใกล้กับร้านหรือแหล่งที่เราจะไปเที่ยว จากนั้นเริ่มดูที่พักและราคา (ราคาทริปนี้คุยกันไว้ว่าไม่เกิน 800บาท/คืน) เข้าไปดูคอมเมนต์ต่างๆ ใน Agoda ทำการจองอยู่ประมาณ 3-4 วันกี่ได้ที่พักสำหรับ 4 คืน มีจองจาก Agoda บ้าง จองโฮมสเตย์ โดยโอนเงินมัดจำบ้าง สุดท้าย ผ่านมาก 2 สัปดาห์ ก็ได้ทำการจองรถเช่า ซื้อ เดินทาง 6 คน รถที่ประหยัดที่สุดและสภาพดีก็คือ Honda BRV วันละ 1,500 บาท ของบริษัท ชิค คาร์เร้นท์ คำนวณค่ากินค่าน้ำมัน แล้ว ไม่รวมค่าเครื่องบิน ตกประมาณคนละ 4,100 บาท โดยเก็บเงินรวมเป็นกองกลางไว้เลย 
    วันแรกที่ออกเดินทาง วันที่ 4 พ.ย.59 เดินทางไปที่สนามบินดอนเมือง ถึงประมาณ 06.30น. เครื่องออกเวลา 08.45 น. เพื่อความพร้อมเลยมาถึงเร็วนิดนึงนะครับ
พอมาถึง ก็ทำการ Check in และโหลดกระเป๋า ได้เลย (**ไทยไลออนแอร์ สามารถโหลดกระเป๋าฟรี 15 Kg และ Check in แบบ Online เลือกที่นั่งได้ก่อนเวลาเดินทาง 24 ชม. ฟรีนะครับ**) 

ที่ตั๋วจะบอกเวลาขึ้นเครื่องนะครับ แต่เวลาออกจริง 08:45 เหมือนตอนที่จอง โหลดกระเป๋าก่อนเครื่องออก 45 นาทีนะครับ เลยต้องรีบมาแต่ว่ามาถึงก่อนนานไปหน่อยเลยต้องหาอะไรทำสักอย่างแล้ว เดินไปโดยไม่ต้องรออะไรครับ  BURGER KING

คือไม่ได้หิวนะแค่อยากกินและฆ่าเวลา เฟรนฟราย ก็แค่อร่อยกว่า

ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ประมาณ 10:00 น. โดยประมาณ ลงจากเครื่องรอประเป๋าที่โหลดประมาณ 10 นาที ติดต่อรับรถ  ของบริษัท ชิค คาร์เร้นท์ ทางเค้าเตอร์ประตูทางออก 1 โดยเตรียมเอกสาร 3 อย่าง บัตรประจำตัวประชาชน ใขับขี่ บัตรเครดิต ที่มีวงเงินคงเหลือ(ค่าเช่ารถทั้งหมด + 20,000) โดยชื่อต้องเป็นบุคคล คนเดียวกันทั้งหมด จากนั้นก็ไปรับรถโดยพิจารณาตำหนิให้ตรงกับเอกสารที่มี ว่ามีตำหนิตรงกันหรือเปล่า สิ่งที่ไม่รวมอยู่ในประกัน ยางรั่วแล้วบดยาง รถเลาะยางมะตอย 

พอได้รถก็ขับไปตั้งหลักที่ปั้มน้ำมัน ปตท. หน้าสนามบิน เพราะยังไม่คุ้นเคยกับรถรุ่นนี้สักเท่าไหร่ปรับกระจกโน้นนี่ ดูการเปิด-ปิดกระจก หา usb และอื่นๆ เข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟ ซื้อขนม ต่างๆ จากนั้นมุ่งไปที่ร้าน ต๋อง เต็มโต๊ะ ตามที่ทำสมุดผังการท่องเที่ยวมาคร่ววๆ ขอบคุณ GPS นำทางสู่ร้านต๋อง เต็มโต๊ะ ซื้อจอดรถหน้าร้านพอดี ไม่มีคนเลยสักโต๊ะ กลุ่มเราเป็นโต๊ะแรก (เพราะรู้ว่าร้านเปิด 11:00น. เราก็เลยถึงเวลา 11:00น. พอดี ถ้ามาสายกว่านี้โต๊ะจะเต็มแล้วจะรอนาน) ลงไปนั่งที่โต๊ะสิ่งแรกที่ต้องสั่งคือ ออร์เดิฟเมือง แกงฮังเล แกงส้มผักหวานไข่มดแดง จิ้น เพราะเราจดไปในหนังสือแผนการเที่ยวทริปนี้ว่าจะสั่งอะไรบ้าง  แต่สิ่งที่ไม่ได้จดแต่สั่งก็คือ ผักหวานผัดไข่ อร่อยมากๆ พอได้ครบเกือบทุกอย่าง เหลือเมนูพระเอก ออร์เดิฟเมือง ยังไม่ได้ ถามว่าลืมหรือเปล่า น้องเค้าบอกว่ายังไม่เสร็จ พอถามเสร็จก็มาเลย เมนูนี้อร่อยแต่ว่าทุกคนเริ่มนิ่งเพราะรู้สึกว่าจะเริ่มอิ่มกันแล้ว เวลาผ่านไป 45 นาที 11:45 น. เราหันไปมองรอบกาย โต๊ะทุกโต๊ะในร้านนี้เต็มหมดแล้ว เหมือนคำที่คนเคยไปมาแล้วบอกว่า ต๋อง โต๊ะเต็ม และต้องรอนาน 55+ แต่ไม่ได้กินผมหรอกครับ เวลาเป๊ะมากครับ  พวกเราไม่เข้าใจคำว่า"จิ้น" สักเท่าไหร่ คิดว่ามันคือเนื้อ สรุปมื้อนี้ เจ้า จิ้นนี่แหละ อร่อย สุด เนื้อก้อนโตๆนุ่นๆ รสชาติ ดีมาก คนไม่กินเนื้อก็ได้แต่มอง สุดท้ายถามเด็กเสิร์ฟ เด็กบอกว่าเป็นหมู เท่านั้นแหละ คนไม่กินเนื้อหยิบเข้าปากเลย แต่โชคร้ายเหลือชิ้นสุดท้ายแล้วเป็นชิ้นเล็กๆ  ทำให้ได้ลิ้มรสแค่คำเดียว แผนการของเราคืออิ่มจากร้านนี้แล้วจะไปกินไอติม ของหวานที่ร้าน Iberry ของพี่โน๊ต แต่ลูกทัวร์ทุกคนบอกเป็นคำเดียวกันว่าไม่ไหวแล้ว อิ่มมาก ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนการ  คือ ไม่ไปร้านพี่โน๊ตแล้ว ขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพกันต่อดีกว่า อืมลืมบอกว่า อาหารที่สั่งมาทั้งหมด 5 อย่าง เบียร์ 1 ขวด น้ำเปล่า 2 ขวด น้ำแข็งเปล่า 1 ขัน ราคา 500 บาท 4 คนอิ่มกันมาก(ลืมบอกไป อีก 2 คน นั่งเครื่องตามมาบ่าย 3 โมงนะครับ เพราะปัญหาบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น) จากนั้นไปที่รถเพื่อขึ้นดอยสุเทพ ปัญหาเริ่มเกิดแล้วครับ รถสตาร์ทไม่ได้ (ไม่ได้เสียนะครับผมสตาร์ทไม่เป็น) ลองผิดลองถูกกันอยู่เกือบ 10 นาที สรุป ต้องเหยียบเบรกก่อนถึงจะกดปุ่มสตาร์ทได้ 

ออร์เดิฟเมือง (พระเอกของร้านนี้สั่งกันทุกโต๊ะ)

จิ้น (หมูทอดหรือเปล่าแต่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเนื้อ)

ไข่มดแดง

แกงส้มผักหวานไข่มดแดง (เผ็ดมากๆ)

ผักหวานผัดไข่ (หอมกระเทียมด้วยนะ)