Puinoon Trip Blogger

สวัสดีครับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของผม ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า จุดประสงค์ที่จัดทำ Blog นี้ขึ้นมานี้ก็เพื่อที่จะจัดเก็บและรวบรวมสิ่งต่างๆ ที่ตัวผมเองนั้นชื่นชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การถ่ายรูป การแต่งภาพ การเล่นกีต้าร์ การทำอาหาร และสิ่งต่างๆอีกมากมาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ กับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจและชื่นชอบในสิ่งเดียวกับที่ผมชอบ ไม่มากก็น้อย ผมหวังว่า Blog นี้ จำทำให้หลายๆคน ได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์และความรู้ไม่มากก็น้อย ผมจะพยายามหาสิ่งที่มีประโยชน์และความรู้มาให้ชมกันอีกนะครับ ขอบคุณมากครับ ..... >>>ปุยนุ่น<<<


วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวนครนายก

สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนครนายก

อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก

พระพิฆเนศ นครนายก องค์พระพิฆเนศเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของเมืองนครนายก นอกจากมีพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ 108 ปาง ให้ชมและสักการะบูชา นอกจากนั้นยังมีพระบรมสารีริกธาตุจาก 9ประเทศ ให้เราได้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วยอุทยานพระพิฆเนศ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ที่เกิดขึ้นมาด้วยพลังศรัทธาจากประชาชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายก เป็นแหล่งรวมขององค์พระพิฆเนศปางต่างๆ มากมาย เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมเพื่อ ทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป มีคุณประโยชน์ในหลายๆ ด้าน  


อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก

การเดินทาง หากขับรถมุ่งตรงไปเขื่อนขุนด่าน พระพิฆเนศจะอยู่จะเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกประชาเกษม ก่อนถึงเขื่อนนะครับมีป้ายบอกอันใหญ่ รับรองไม่หลง


------------------------------------------------------------------------------


เขื่อนขุนด่านปราการชล

เขื่อนขุนด่านปราการชล ชื่อเดิมเรียกว่าเขื่อนคลองท่าด่านเป็นเขื่อนคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในหน้าแล้ง และควบคุมไม่ให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นาและพื้นที่การเกษตรในหน้าฝน โดยสร้างครอบฝายท่าด่านเดิม


เขื่อนขุนด่านปราการชล  

 ตัวเขื่อนขุนด่านปราการชลประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรองสร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ปัจจุบันเป็น เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง (สูงสุด) 93 เมตร รับน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ มีความจุ 224 ล้าน ลบ.ม. โดยทำให้มีน้ำในการทำเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และบรรเทาอุทกภัย เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน จะเห็นทิวทัศน์ด้านหน้าเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อน ในอนาคตมีโครงการจะสร้างแก่งเทียมเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา และเป็นสนามสลาลอมนานาชาติ ซึ่งจะเป็นแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ หากก่อสร้างแก่งเทียมแล้วเสร็จ จะสร้างกิจกรรมท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครนายกเพิ่มขึ้น


เขื่อนขุนด่านปราการชล

 เขื่อนขุนด่านปราการชลเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมวิวเหนือสันเขื่อน สามารถมองเห็นตัวเมืองนครนายกและอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ที่สันเขื่อน นอกจากนี้ยังสามารถเช่าเรือหางยาวเพื่อชมน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในอ่างเก็บ น้ำของเขื่อนได้


 ภาพบรรยากาศจากสันเขื่อน




เดินทางโดยรถยนต์มายังตัวเมืองนครนายกโดยอาจใช้ถนนสายรังสิต-นครนายก(ทาง หลวงหมายเลข 305) หรืออาจใช้ถนนเส้นเก่าคือถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) ซึ่งจะอ้อมกว่า จนถึงตัวเมืองนครนายกให้ใช้เส้นทางเดียวกับไปน้ำตกนางรอง (ทางหลวงหมายเลข 3049) ผ่านอุทยานวังตะไคร้และเลี้ยวขวาเข้าถนนสู่ตัวเขื่อน

รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ–นครนายก มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ทุกวัน

รถตู้ กรุงเทพ-นครนายก-เขื่อนขุนด่าน โดยสามารถขึ้นที่ [1] อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ [2] ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต [3] หน้าโรงพยาบาลนครนายก (ฝั่งโรงพยาบาล)


--------------------------------------------------------------------------------------------


กิจกรรมล่องแก่งนครนายก

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หากเพื่อน ๆ ต้องการหลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองกรุง ไปสู่โลกในมุมใหม่ที่เงียบสงบ แวดล้อมด้วยภูเขาเขียว ๆ  น้ำตกสวย ๆ แถมยังซุกซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ภายใต้ความนิ่ง กระปุกท่องเที่ยวขอแนะนำ "นครนายก" เมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่ เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน อีกทั้งยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะการไปล่องแก่งมันส์ ๆ เพิ่มความท้าทายให้กับตัวเองที่ "ล่องแก่งแม่น้ำนครนายก" 


 ภาพกิจกรรมล่องแก่ง

 แม่น้ำนครนายก มีต้นกำเนิดจาก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เกิดจากลำธารหลายสายมารวมตัวกัน เช่น คลองตะไคร้ คลองนางรอง มารวมตัวกันเป็นแม่น้ำไหลผ่านจังหวัดนครนายก โดยจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกอยู่ที่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน หลังเขื่อนคลองท่าด่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และจะไปสิ้นสุดการล่องที่บริเวณบ้านวังยาว สำหรับการล่องแก่งที่แม่น้ำนครนายก มีระดับความยากและง่ายตั้งแต่ระดับ 3-5 สร้างความสนุกได้ทุกเพศทุกวัย ตลอดทั้งปี (กระแสน้ำจะไหลแรงในฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม) โดยจุดเริ่มต้นผจญภัยการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกอยู่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน เลาะเลี้ยวไปตามลำน้ำนครนายก ในระดับความแรงของสายน้ำที่ 1-3 ผ่านแก่งต่าง ๆ ที่สร้างความสนุกตื่นเต้นตลอดระยะทางในการล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมง


ภาพกิจกรรมล่องแก่ง


น้ำตกแก่งสามชั้น

    ส่วนแก่งต่าง ๆ ที่จะล่องผ่าน ได้แก่ แก่งโขดคุ้ง มีลักษณะเป็นโขดหินโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำในช่วงฤดูร้อน แต่จะจมลงไปในน้ำยามฤดูฝน, เกาะแก่ง มีลักษณะเช่นเดียวกันกับแก่งโขดคุ้ง ถ้าในช่วงฤดูร้อนจะมองเห็นเกาะแก่งนี้ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำจะท่วมเกาะแก่งนี้จนไม่สามารถมองเห็นได้
 และแก่งสุดท้ายที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการล่องแก่งแห่งนี้ คือ แก่งหินสามชั้น เพราะก่อนจะถึงตัวแก่งสามชั้นระยะทางไม่กี่เมตรจะถึงโค้งหักศอกก่อน ซึ่งนักล่องแก่งควรระมัดระวังตัวและพยายามบังคับฝีพายดี ๆ เพราะจากนี้จะได้พบกับแก่งหินสามชั้นที่มีลักษณะเทลาดเอียงลงมาเป็นขั้นบันได ระยะทางยาวประมาณ 50 เมตร กระแสน้ำจะไหลวนลงมากระทบกับโขดหินน้อยใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำ จนเกิดเป็นลูกคลื่นม้วนตัวเข้าหาหินสูงประมาณหนึ่งเมตร เป็นจุดท้าทายของนักพายเรือคายัคและแคนู ซึ่งจะมาประลองกำลังความสามารถกันที่บริเวณแก่งสามชั้นแห่งนี้



--------------------------------------------------------------------------------------------



น้ำตกต้นน้ำ (น้ำตกสวนลุงเปลี่ยน) นครนายก

     น้ำตกสวนลุงเปลี่ยนนี้เป็นน้ำตกต้นน้ำ ของวังตะไคร้ ซึ่งรับน้ำมาจากคลองมะเดื่ออีกที น้ำตกนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์หลายเรื่อง มีความเป็นส่วนตัว สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปรับประทานได้ทำอาหารได้ ภายในน้ำตกมีบ้านพัก1หลังไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักที่นั่นเลย เป็นบ้านพักของยายคนที่ดูแลน้ำตก (แต่แมลงค่อนข้างเยอะไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆ) ที่บ้านยายมีห่วงยางไว้บริการเช่าด้วยครับ ไม่ต้องเตรียมไปครับ ช่วงฤดูฝนน้ำจะเยอะหน่อยเล่นสนุกเลยครับประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม  แต่ช่วงฤดูแล้งน้ำจะน้อยแต่ก็พอสามารถเล่นได้


 น้ำตกต้นน้ำ สวนลุงเปลี่ยน

บรรยากาศภายในน้ำตกสวนลุงเปลี่ยนร่มเย็น ร่มรื่น ชุ่มชื้นไปด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมน้ำตกและความชื้นจากป่าไม้ โดนรอบๆ จะเป็นบริเวณป่าทั้งหมด มีหินก้อนโตให้เราสามารถนั่งเล่นนั่งกินอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าต้องไม่ต้องการนั่งหินหรือปูเสื่อ ยายก็มีแคร่ไม้ไผ่ไว้บริการให้เราอีกด้วยครับ


น้ำตกต้นน้ำ สวนลุงเปลี่ยน


น้ำตกต้นน้ำ สวนลุงเปลี่ยน


น้ำตกสวนลุงเปลี่ยนนี้น้ำจะใสสะอาดมากสีน้ำใสจนเขียวเลยครับ   อัตราค่าบริการท่านละ 20 บาท ค่าเช่าห่วงยางห่งละ 40 บาท และค่าแคร่ไม้ไผ่ 60 บาท ครับ จ่ายกับยายที่หน้าบ้านยายได้เลยครับ แค่นี้ก็มีความสุขกับธรรมชาติและสายน้ำที่ใสเขียวเย็นได้แล้ว


------------------------------------------------------------------------------------------- 


 คลองมะเดื่อ นครนายก

  เนื่องจากคลองมะเดื่อถูกค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา    โดยกลุ่มออฟโรดกลุ่มนึงเข้าไปบุกเบิกเส้นทางออกมาสู่สายตาสาธารณะชน    เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยขึ้น   หลังจากนั้นกลุ่มต่าง ๆ ก็พยายามเข้าเปิดเส้นทางที่นี่กัน  นับเป็นแหล่งสวรรค์ใกล้กรุงเทพที่สุด  ทำให้บรรดาขาลุยต่าง ๆ ต้องนัดกันมาเยือนยามหน้าฝนมาถึง    ถ้าฝนยิ่งตกหนักมากเท่าไหร่กระแสน้ำก็ไหลแรงมากขึ้นเท่านั้นบรรดารถออฟโรดขาลุยก็ยิ่งทะลักทะล้นบุกเข้าไปเรียกว่าป่าแตกกันเลยทีเดียว   เพื่อนัดกันมาพังรถกันที่ คลอง 5  ที่นี่เป็นที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยสายน้ำ และเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำนครนายกและเป็นต้นธารน้ำตกหลายแห่ง   สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปผู้ที่มาเยือนนครนายกจะนึกถึง วังตะไคร้ นางรอง สาริกา  เขื่อนขุนด่านปราการชลในการมาท่องเที่ยว  ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายโดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ รถบัส  รถ 2 แถว จะเข้าไปเปิดเพลงดังกระหึ่มน้ำตกวังตระไคร้ สร้างความวุ่นวายแต่สำหรับรถ 4wd  ที่วิ่งเข้ามาคลองมะเดื่อที่นี่กัน เพราะสายน้ำสวยงามกว่า  สะอาดกว่า   มีสายน้ำหลายสายให้เลือกเล่น    มีที่พักผ่นอและบ้านพักให้เป็นสังคมสังสรรค์ของชาวออฟโรด เท่านั้น 


คลองมะเดื่อ นครนายก 

คลองมะเดื่อคลองสอง

   คลองมะเดื่อคลองสอง เป็นแหล่งน้ำกว้างที่มีน้ำไหลผ่านสามารถลงเล่นน้ำได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่น้ำใสสะอาด บริเวณนี้จะมีบ้านพักด้วยนะครับ จากการไปสอบถามประมาณหลังละ 700 บาท/คืน บริเวณนี้จะมีร้านอาหาร ร้านขายผักผลไม้ของชาวบ้านที่เก็บจากป่าหรือชาวบ้านปลูกเอง สามารถนำอาหารเครื่องดื่มและทำอาหารกินกันได้ริมน้ำตกเลย ถ้ามีโต๊ะเก้าอี้เตรียมไปด้วยก็ดีนะครับ เพราะว่านำไปตั้งในน้ำตกได้บรรยากาศไปอีกแบบ นั่งกินแบบเท้าแช่น้ำคลาสสิคสุดๆ  บริเวณนี้จะเหมาะสำหรับเล่นน้ำที่สุดแล้วครับ


คลองมะเดื่อช่วงฤดูฝน

    การเดินทางเข้าไปคลองมะเดื่อ จากตัวเมืองนครนายกให้ไปทางป้ายเขื่อนขุนด่านปราการชลเลยครับ แต่ว่าอยู่ก่อนถึงเขื่อนประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากสามแยกสาริกาให้เลี้ยวขวามาทางเขื่อนให้สังเกตเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่ 2 ตรงนั้นจะเป็นแหล่งชุมชนมีร้านค้า,ร้านอาหารมากมาย ซอยทางเข้าจะเป็นซอยเล็กๆทางซ้ายมือติดกับโรงเรียนวัดบ้านดง ให้ตรงเข้าไปเรื่อยๆตามซอยจะผ่านวัดบ้านดงให้ตรงเข้าไปจนถึงสามแยกให้เลี้ยวขวาจากนั้นตรงไปตลอดตามเส้นทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร ก็จะพบกับน้ำตกคลองมะเดื่อครับ  

------------------------------------------------------------------------------------------------

  

 อุทยานวังตะไคร้

 

        อุทยาน วังตะไคร้ เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ประดับนานาพันธุ์ ในเนื้อที่ 1,500 ไร่มีถนนให้รยนต์วิ่งเข้าชมในบริเวณได้ เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภทเช้าไปเย็นกลับ และประเภทค้างแรมค่าผ่านประตู (ตั้งแต่ 1 ก.ย.46)

- นักท่องเที่ยวเดินเท้าคนละ 10 บาท
- รถทุกประเภท คันละ 150 บาท (ผู้โดยสารเกิน 8 คน คิดเพิ่มคนละ 10 บาท)
- สำหรับรถมอเตอร์ไซด์ ต้องจอดไว้บริเวณด้านหน้าทางเข้า ชำระค่าจอดรถ 10 บาท และค่าผ่านประตูเข้าวังตะไคร้ คนละ 10 บาท


วังตะไคร้


          วังตะไคร้หรือจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์อุทยาน  เป็นแหล่งที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 120 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวจังหวัดนครนายกประมาณ 16 กิโลเมตร มวลพฤกษชาติ พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับภายในอุทยานแห่งนี้จะออกดอกสะพรั่งตัดกับท้องฟ้าสี น้ำเงินทำให้เกิดทัศนียภาพงดงามทุกฤดูกาลโดยเฉพาะในฤดูฝน นอกจากนั้น ยังมีพันธุ์ไม้ นานาชนิด อุทยานวังตะไคร้จึงเป็นดินแดนที่มีเสน่ห์แห่งความงามตามธรรมชาติพื้นดินเป็น ที่ลาดเนิน สูง ต่ำ ตามธรรมชาติตัดกับท้องฟ้าสวยงามมากนับจากปี พ.ศ. 2495 ที่พลตรีพระจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต และหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ทั้งสองท่านสนใจในธรรมชาติได้เสด็จมาท่องเที่ยวได้ซื้อที่ดินและได้ปลูกบ้าน หลังเล็ก ๆ ไว้หลังหนึ่งใกล้ ๆ น้ำตกสาริกา ปัจจุบันได้ยกให้เป็นสมบัติของสถานีอนามัยต่อมาได้พยายามแสวงหาสถานที่เพื่อ สร้างตำหนักและอุทยานในชนบทสำหรับพักผ่อนพระอิริยาบถ ในที่สุดได้พบสถานที่ถูกใจ จึงได้ซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินจากชาวบ้าน ที่ครอบครองอยู่บริเวณที่เรียกกันว่า วังตะไคร้ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมที่ชาวบ้านเรียกกัน มานาน แล้วเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศตอนหนึ่งมีลำธารน้ำไหลมาสงบนิ่งอยู่เป็น วังน้ำกว้างบริเวณนี้มีความงดงามตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของลำธาร 2 ลำธารลำธารหนึ่งชื่อคลองมะเดื่อจากน้ำตกเหวกระถินกับอีกลำธารหนึ่งชื่อคลอง ตะเคียน จากน้ำตกแม่ปล้อง ลำธารทั้ง 2 นี้ไหลมาบรรจบกันเป็นธารเดียว มีแอ่งน้ำขัง เป็นวังน้ำอยู่เป็นตอน ๆ ไหลลงสู่แม่น้ำนครนายกและมีต้นตะไคร้น้ำตะไคร้หางนาค นับเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ชอบขึ้นอยู่ตามห้วยลำธารทั่วไป เป็นต้นไม้ที่เหนียวมากมีก้านสีดำและมีดอกสีชมพูน่ารักมาก บริเวณวังตะไคร้นี้เดิมมีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ต่อมาได้ซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินจากผู้อื่นขยายตัวเป็นสวนพฤกษชาติ มีเนื้อที่ประมาณ1,000 ไร่เนื่องจากวังตะไคร้นี้เป็นด้านที่รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ระหว่างเดือน กรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม จึงทำให้มีฝนตกชุกหุบเขาบริเวณนี้จึงมีพรรณไม้ใหญ่น้อยมากมาย ลำธารน้ำจะมีน้ำเต็มฝั่งไหลเชี่ยวจัด จึงเป็นที่เล่นกีฬาล่องแก่งด้วยแพยาง หรือชูชีพกันอย่างสนุกสนานพ.ศ.2497 ได้มีการถางป่าปรับพื้นที่บางส่วนพร้อมกับสร้างตำหนักเป็นที่ประทับพักผ่อน ส่วนพระองค์และญาติมิตร มีผู้มาชมสถานที่นี้บ้างเป็นครั้งคราว ท่านเจ้าของสถานที่ได้รวบรวมพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศฝากซื้อพันธุ์บ้างจากการสั่งซื้อบ้าง แลกเปลี่ยนกับนักเล่นต้นไม้ด้วยกันบ้าง และขยายพันธุ์ที่นี่ ด้วยเจตนาจะให้เป็นสวนพฤกชาติอันแท้จริงและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของ ประชาชน การขยายบริเวณวังตะไคร้ทำกันอย่างยากลำบาก กว่าจะเป็นอย่างที่เห็นขณะนี้ต้อง เพิ่มคนงานสั่งรถแทรกเตอร์ไว้ใช้งาน ทำเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วมยามฝนตกหนักต้องขุดต้นไม้บางชนิดที่ไม่จำเป็น ออกไปปราบต้นอ้อ และหญ้าคา ปลูกหญ้านวลน้อยให้เป็นสนามหญ้าอันเขียวสด ประดับด้วยไม้ดอก ไม้ใบนานาชนิดปลูกเป็นหมู่บ้างเดี่ยวบ้าง เป็นไม้ยืนต้นพุ่มใหญ่ พุ่มกลาง พุ่มเตี้ยมีไม้ล้มลุกทั้งไทยและเทศโดยรักษาสภาพธรรมชาติเดิมไว้อย่างสวยงาม มีขุนเขาสูงตระหง่านอยู่เป็นแนวเบื้องหลังนับเป็นอุทยานที่ตั้งใจสร้างขึ้น จากความฝันของคุณท่านซึ่งมีมากว่า 40 ปี ให้เป็นความจริงขึ้นมา หลังจาก พ.ศ. 2502 อันเป็นปีที่เสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์ คุณท่านได้ปรับปรุงสถานที่นี้ให้งดงามยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นอนุสรณ์แก่ พระองค์ท่าน คุณท่านได้เพิ่มความพยายามทั้งกำลังใจ กำลังทรัพย์ และเวลา ขยายงานที่อุทยานแห่งนี้ตลอดมาเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอันถาวร สร้างความสดชื่น สนุกสนานรื่นเริงสร้างเป็นสวนพฤกษชาติพร้อมทั้งให้ความรู้ทางพฤกษศาสตร์ เนื่องจากมี พรรณไม้ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศนำมารวบรวมไว้ เพื่อให้เป็นที่ศึกษาหาความรู้ด้านนี้ นอกจากนี้คุณท่านยังได้จ้างผู้เชียวชาญจากกรุงเทพมหานครเข้าไปร่วมงานการจัด สถานที่ให้เป็นสวนสาธารณะอย่างแท้จริงอีกด้วย พ.ศ. 2504 จึงเปิดให้ประชาชนเข้าชม อุทยานวังตะไคร้ นับเป็นสวนพฤกษศาสตร์ ที่มี ไม้ดอกไม้ประดับสวยงามปัจจุบันอุทยานวังตะไคร้ หรือจุมภฏ - พันธุ์ทิพย์อุทยาน หรือสวนพฤกษชาติวังตะไคร้เแห่งนี้ เป็นสมบัติของมูลนิธิจุมภฏ - พันธุ์ทิพย์ บริหารโดยคณะกรรมการ บริหารของมูลนิธิฯเพื่อให้เป็นไปตามตราสารของมูลนิธิฯในอันที่จะให้เป็นที่ พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นที่ศึกษาหาความรู้ทางพฤกษศาสตร์ที่มีความสวยงามมีไม้ประดับ สวนผลไม้ สวนดอกไม้สวนปาล์ม สวนต้นไม้ในวรรณคดี สวนไม้ผลป่า สวนป่า และสวนสมุนไพร ทั้งในประเทศและต่างประเทศเกือบทั่วโลกนับร้อยชนิด นับเป็นที่เชิดหน้าชูตาประเทศไทยไปอีกนาน แสนนานประกาศ: ขอเปลี่ยนแปลงค่าเข้าชม จุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ อุทยานวังตะไคร้ วังตะไคร้มีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกท่านในการปรับอัตราค่าผ่านประ ตูวังตะไคร้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งยังคงเป็นอัตราที่ต่ำกว่าสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพื่อให้มูลนิธิฯ สามารถพัฒนาวังตะไคร้อย่างต่อเนื่องและมอบสิ่งที่ดียิ่งขึ้นตอบแทนคืนสู่ผู้ ที่รักและอุปการะคุณต่อวังตะไคร้โดยกำหนดให้อัตราค่าผ่านประตูใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้ใน สิงหาคมพ.ศ. 2552

- นักท่องเที่ยวเดินเท้า คนละ 10 บาท
- รถคันละ 150 บาท

หมายเหตุ ถ้าผู้โดยสารเกิน 8 คน คิดเพิ่มตามจำนวนคนๆ ละ 10 บาทรายได้ทุกบาททุกสตางค์ เราจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาวังตะไคร้ หรือเพื่อทำสาธารณประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ จุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องทุนการศึกษาและการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม รายได้ทุก บาททุกสตางค์ที่มาจากท่าน เราจะคืนสู่สังคมมูลนิธิจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ และอุทยานวังตะไคร้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความอุปการะ และความสนับสนุนด้วยดีตลอดมา

------------------------------------------------------------------------------------------- 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น