Puinoon Trip Blogger

สวัสดีครับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของผม ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า จุดประสงค์ที่จัดทำ Blog นี้ขึ้นมานี้ก็เพื่อที่จะจัดเก็บและรวบรวมสิ่งต่างๆ ที่ตัวผมเองนั้นชื่นชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การถ่ายรูป การแต่งภาพ การเล่นกีต้าร์ การทำอาหาร และสิ่งต่างๆอีกมากมาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ กับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจและชื่นชอบในสิ่งเดียวกับที่ผมชอบ ไม่มากก็น้อย ผมหวังว่า Blog นี้ จำทำให้หลายๆคน ได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์และความรู้ไม่มากก็น้อย ผมจะพยายามหาสิ่งที่มีประโยชน์และความรู้มาให้ชมกันอีกนะครับ ขอบคุณมากครับ ..... >>>ปุยนุ่น<<<


วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สวนอาหารพิกุล ขลุง จันทบุรี

สวนอาหารพิกุล ขลุง จันทบุรี

สวนอาหาร พิกุล


   ร้านพิกุล เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเป็นลำดับต้นๆของ ขลุง จังหวัด จันทบุรีเลยก็ว่าได้นะครับ นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาหาอาหารทะเลสดๆกิน ส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงร้านนี้ ร้านนี้ขายอาหารประเภทซีฟู๊ด บรรยากาศภายในร้านโปร่ง โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด ด้านข้างเป็นป่าโกงกาง ธรรมชาติมากๆครับ โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะไม้สวยแข็งแรง อาหารที่สั่งได้เร็ว ไม่ต้องรอนานที่สำคัญรสชาติอร่อยมากด้วยครับ ครั้งที่แล้วมากินที่ฟาร์มปูนิ่มเพราะอยากนั่งเรือออกไป เลยมองข้ามร้านนี้ไป คราวนี้ตั้งใจมากินร้านนี้โดยเฉพาะเลยครับ  ภาพบรรยากาศภายในร้านเหมาะสำหรับมากับครอบครัว จริงๆ ครับ คราวนี้เรามาดูอาหารกันบ้างครับ มาดูจานแรกกันเลยครับ ต้มยำกุ้งแชบ๊วย (น้ำข้น) รสชาติเผ็ดถึงรสต้มยำจริงๆ

บรรยากาศภายในร้าน

ต้มยำกุ้งแชบ๊วย(น้ำข้น)

  จากนั้นจานที่สองก็คือ พล่ากุ้ง (แบบสุก) ที่ร้านนี้มีพล่ากุ้งทั้งแบบสุกและดิบนะครับ ถ้าจะสั่งบอกพนักงานที่ร้านด้วย เมนูนี้ผมชอบมากเป็นพิเศษเพราะว่าเผ็ดและเปรี้ยวถึงใจจริงๆ ผักที่เสิร์ฟพร้อมพล่ากุ้งจะเป็นใจผักกาดขาวสดๆ  ที่สำคัญกุ้งยังสดอีกด้วย ไม่มีกลิ่น รสหวานทานง่าย เมนูนี้ผ่านครับ

พล่ากุ้ง

  มาดูจานที่สามกันเลยดีกว่า อาหารบ้านๆ แต่ว่ารสชาติและความกรอบไม่ธรรมดาครับ ไข่เจียวหอยนางรม ไข่เจียวหอยนางรมที่นี่ทอดได้กรอบ หอม มากๆครับ และหอยนางรมยังตัวใหญ่และสดอีกด้วย เมนูนี้ ยอมรับเลยครับว่าไม่ธรรมดา ถ้าไม่เชื่อลองสั่งดูได้เลยครับ สุดยอดจริงๆ ไข่เจียวเสิร์ฟพร้อม ซอสพริก เข้ากันจริงๆ กับข้าวร้อนๆสักจาน (ที่ร้านนี้ผมสังเกตดูนะครับ ข้าวหุงจากข้าวหอมมะลิ นิ่ม สวย หอม น่ากินจริงๆ) 

ไข่เจียวหอยนางรม

   จานที่สี่ต่อไปเลยดีกว่า จานนี้พิเศษสุดๆ ถือว่าเป็นพระเอกของมื้อนี้เลยก็ว่าได้ครับ รสชาตินี่ถูกปากผมยิ่งนักเพราะว่าผมชอบหวานๆ เมนูนี้ก็คือ ปูทะเลไข่ผัดผงกระหรี่ นั่นเอง จานนี้อาจมีราคาค่าตัวค่อนข้างจะแพงไปสักนิดประมาณ 650 บาท แต่เมื่อเทียบกับราคาปูสดๆที่ขายในท้องตลาดแล้วก็ไม่แพงเลย เพราะว่า ใช้ปูทะเลไข่ประมาณ 2 ตัวต่อ 1 จาน แถมยังอร่อยมากที่สุดอีกด้วย มีความหอมของผงกระหรี่ ความหอมและมันของไข่ปู อีกทั้งยังมีต้นหอมเพิ่มความหอมอร่อยอีกด้วย จานนี้คงเป็นที่ชื่นชอบของคนหลายคนก็ว่าได้เพราะว่าจากการที่ผมเดินผ่านโต๊ะอื่นๆ ก็มีเมนูนี้อยู่ด้วยหลายโต๊ะเช่นกัน ผมถือว่าจานนี้ผมชอบที่สุดในมื้อนี้ก็ว่าได้  สามผ่านเลยครับ ..อิอิ

ปูทะเลไข่ผัดผงกระหรี่

   จานที่ห้า เมนูนี้หลายๆ คนที่ชอบกินปูแต่ไม่ชอบแกะต้องสั่งครับ เมนูนี้คือ กรรเชียงปูม้า   แต่ผมว่าเมนูนี้ก็คงไม่ต่างจากร้านอื่นๆครับ แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือน้ำจิ้ม ร้านนี้ไม่ได้ใช้น้ำจิ้มแบบขวดมาเทใส่ถ้วยให้เรากินนะครับ น้ำจิ้มปูร้านนี้ก็คือน้ำจิ้มซีฟู๊ด ธรรมดาที่ใส่ พริกขี้หนูสด กระเทียม มะนาว เกลือ แต่ที่สำคัญคือใช้มะนาวแท้ๆ ครับ (ผมคิดว่าร้านนี้ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆดีครับ แม้กระทั่งน้ำจิ้มซีฟู๊ด หรือ น้ำปลาพริก ดูสดใหม่ สะอาด) 


กรรเชียงปูม้า

   จานต่อไปกันเลยดีกว่าครับ เมนูนี้ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบแต่ว่าผมกินแบบทอดมาเมื่อวานแล้ว วันนี้เลยอยากกินแบบนึ่งบ้างครับ ปลากระพงนึ่งบ๊วย เมนูนี้ผมว่าไม่ค่อยมีรสบ๊วยเท่าไหร่นะครับ ผมรู้สึกเฉยๆ แต่มีดีอยู่ที่ว่า ปลากระพงที่เอามาทำนั้นสดจริงๆ เนื้อนิ่มมาก ที่สดจริงเพราะว่าเห็นพี่เค้าตักจากในบ่อหน้าร้านกันเห็นๆ ต่อหน้าต่อตาเลย คงบอกว่าสดอย่างเดียวไม่ได้แล้ว คงต้องบอกว่าปลาเป็นๆ(ถ้าใครที่ชอบกินปลานิ่มๆจืดๆไม่เผ็ดก็ต้องลองเมนูนี้เลย)

ปลากระพงนึ่งบ๊วย

   จานสุดท้าย ว่ากันด้วยเรื่องของกุ้งอีกแล้วกัน แต่ว่าคราวนี้ไม่ใช่กุ้งแชบ๊วยแล้วนะครับ เป็นกุ้งกุลาดำตัวใหญ่ๆครับ    ตอนแรกคิดอยู่ตั้งนานไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับมันดี เลยเป็นเมนูสุดท้าย สรุปได้ว่าเป็น กุ้งกุลาดำอบเกลือครับ ตัวใหญ่ๆ เหนียวๆเคี้ยวมัน หนึบๆ เค็มนิดๆหอมใบโหระพา จานนี้ราคาพอประมาณครับ 450 บาท กุ้งประมาณ 6-8 ตัว สรุปว่าคุ้มราคาครับ

กุ้งกุลาดำอบเกลือ

  พอสรุปได้ว่าสวนอาหารพิกุล ขลุง นี้ โดยส่วนตัวรวมๆแล้ว อาหารรสชาติดีเลยทีเดียวครับ บรรยากาศใช้ได้พอประมาณ ไม่เสียที่เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมานาน ผมชอบมากครับไม่ผิดหวังกับการที่ได้มาร้านนี้เลย

  การเดินทาง : จากตัวเมืองจันทบุรีมุ่งหน้าไปทางขลุง ถนนสุขุมวิท เมื่อถึงแยกขลุงให้เลี้ยวขวาเข้าทางตลาดขลุง จากนั้นจะเป็นทางเล็กๆ  เข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือ ทางเดียวกับท่าเรือขลุง ที่จะนั่งเรือไปฟาร์มปูนิ่ม เมื่อเลี้ยวเข้าไปจะมีป้ายบอกว่า ร้านอาหารทะเล ก็ให้ไปตามป้ายเลย
จากตัว เมืองจันทบุรี มุ่งหน้ามาทางท่าเทียบเรือขลุง ตรงมาจะเจอร้านพิกุลโภชนาขลุง อยู่บริเวณท่าเทียบเรือขลุง - See more at: http://eat.edtguide.com/62193_Pikul-Phochana-%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%82%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3#sthash.DHVVr3Cs.dpuf
จากตัว เมืองจันทบุรี มุ่งหน้ามาทางท่าเทียบเรือขลุง ตรงมาจะเจอร้านพิกุลโภชนาขลุง อยู่บริเวณท่าเทียบเรือขลุง - See more at: http://eat.edtguide.com/62193_Pikul-Phochana-%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%82%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3#sthash.DHVVr3Cs.dpuf

รสชาติอาหาร  :  9.25/10
บรรยากาศร้านอาหาร  :  8.25/10
ราคาอาหาร  : 7.5/10
ราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพ  :  8.5/10
ความสะอาดของอาหารและร้าน  :  8.5/10
การบริการของพนักงาน  :  9.25/10




วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ลองชิมราดหน้า มาม่า


ราดหน้า


        ราดหน้า เป็นก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่ง ที่ทำโดยการใช้เส้นลงไปผัดกับน้ำมันอ่อน ๆ ก่อน แล้วพักไว้ น้ำที่ใช้ราด เป็นน้ำต้มกระดูกผสมกับแป้งมันมีความข้นเหนียว เนื้อสัตว์นิยมใช้ เนื้อหมู และ กุ้ง หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ซึ่งถ้าเป็นเนื้อหมูจะนิยมหมักกับกระเทียมก่อน เพื่อให้เหนียวนุ่ม ผักนิยมใช้ ผักคะน้า หรือจะใช้ผักอย่างอื่น เช่น ผักกวางตุ้ง หรือ ผักกาดขาว ก็ได้ เส้นที่ใช้ทำราดหน้า มีหลายเส้น โดยมาก หากเป็นเส้นใหญ่ จะผัดกับน้ำมันและซีอิ๊วดำก่อน นอกจากนี้ยังมีหมี่ขาว หมี่เหลือง ซึ่งโดยมากจะเป็นเส้นทอดกรอบ นอกจากนี้แล้ว ราดหน้าบางครั้งยังสามารถใส่ไข่ลงไปได้ด้วย อาจจะผสมลงไปในน้ำราดหน้า หรือทอดแยกออกมาโปะหน้าต่างหากแบบไข่เจียวหรือไข่ดาว ก็ได้


ราดหน้าคณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล


     ราดหน้าที่เข้ามาแพร่หลายในไทยได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน เริ่มนำเข้ามาขายโดยชาวจีนโดยเฉพาะชาวจีนแต้จิ๋ว ราดหน้ายุคแรกๆ ห่อใบตองขาย ใส่ผักกวางตุ้งและหน่อไม้ ราดน้ำราดแต่น้อย ต่อมาจึงมีการปรับรูปแบบไปต่างๆกัน ราดหน้าที่แพร่หลายในไทยนั้น มีที่มาจากราดหน้าของจีน 3 แหล่งดังนี้
1.ราดหน้าแบบฮ่องกง น้ำราดหน้าไม่ใส่เต้าเจี้ยว ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย
2.ราดหน้าแบบกวางตุ้ง น้ำราดหน้าใส่เต้าเจี้ยว กระเทียม ใช้ผักคะน้าเป็นหลัก
3.ราดหน้าแบบแต้จิ๋ว น้ำราดสีเข้ม ใส่เต้าเจี้ยวเป็นเม็ด ไม่ใส่น้ำมันหอยและใส่คะน้าผัดไปกับน้ำราดด้วย

เส้นหมี่ราดหน้า มาม่า

เส้นหมี่ราดหน้ากึ่งสำเร็จรูป มาม่า

    เส้นหมี่ราดหน้า มาม่านี้ มีขายเฉพาะที่ เซเว่น-อีเลฟเว่น นะครับ ราคาห่อละ 12 บาท เมื่อทำเสร็จแล้วจะมีรสชาติและหน้าตาคล้ายกับราดหน้าปกติมากเลยทีเดียว ถ้าใส่ คะน้า และ หมูหมักแล้ว แยกกันแทบไม่ออกเลยครับ คล้ายราดหน้าปกติมากประมาณ 80-90 % เลยทีเดียว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวนครนายก

สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนครนายก

อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก

พระพิฆเนศ นครนายก องค์พระพิฆเนศเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของเมืองนครนายก นอกจากมีพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ 108 ปาง ให้ชมและสักการะบูชา นอกจากนั้นยังมีพระบรมสารีริกธาตุจาก 9ประเทศ ให้เราได้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วยอุทยานพระพิฆเนศ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ที่เกิดขึ้นมาด้วยพลังศรัทธาจากประชาชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายก เป็นแหล่งรวมขององค์พระพิฆเนศปางต่างๆ มากมาย เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมเพื่อ ทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป มีคุณประโยชน์ในหลายๆ ด้าน  


อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก

การเดินทาง หากขับรถมุ่งตรงไปเขื่อนขุนด่าน พระพิฆเนศจะอยู่จะเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกประชาเกษม ก่อนถึงเขื่อนนะครับมีป้ายบอกอันใหญ่ รับรองไม่หลง


------------------------------------------------------------------------------


เขื่อนขุนด่านปราการชล

เขื่อนขุนด่านปราการชล ชื่อเดิมเรียกว่าเขื่อนคลองท่าด่านเป็นเขื่อนคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในหน้าแล้ง และควบคุมไม่ให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นาและพื้นที่การเกษตรในหน้าฝน โดยสร้างครอบฝายท่าด่านเดิม


เขื่อนขุนด่านปราการชล  

 ตัวเขื่อนขุนด่านปราการชลประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรองสร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ปัจจุบันเป็น เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง (สูงสุด) 93 เมตร รับน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ มีความจุ 224 ล้าน ลบ.ม. โดยทำให้มีน้ำในการทำเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และบรรเทาอุทกภัย เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน จะเห็นทิวทัศน์ด้านหน้าเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อน ในอนาคตมีโครงการจะสร้างแก่งเทียมเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา และเป็นสนามสลาลอมนานาชาติ ซึ่งจะเป็นแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ หากก่อสร้างแก่งเทียมแล้วเสร็จ จะสร้างกิจกรรมท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครนายกเพิ่มขึ้น


เขื่อนขุนด่านปราการชล

 เขื่อนขุนด่านปราการชลเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมวิวเหนือสันเขื่อน สามารถมองเห็นตัวเมืองนครนายกและอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ที่สันเขื่อน นอกจากนี้ยังสามารถเช่าเรือหางยาวเพื่อชมน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในอ่างเก็บ น้ำของเขื่อนได้


 ภาพบรรยากาศจากสันเขื่อน




เดินทางโดยรถยนต์มายังตัวเมืองนครนายกโดยอาจใช้ถนนสายรังสิต-นครนายก(ทาง หลวงหมายเลข 305) หรืออาจใช้ถนนเส้นเก่าคือถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) ซึ่งจะอ้อมกว่า จนถึงตัวเมืองนครนายกให้ใช้เส้นทางเดียวกับไปน้ำตกนางรอง (ทางหลวงหมายเลข 3049) ผ่านอุทยานวังตะไคร้และเลี้ยวขวาเข้าถนนสู่ตัวเขื่อน

รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ–นครนายก มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ทุกวัน

รถตู้ กรุงเทพ-นครนายก-เขื่อนขุนด่าน โดยสามารถขึ้นที่ [1] อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ [2] ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต [3] หน้าโรงพยาบาลนครนายก (ฝั่งโรงพยาบาล)


--------------------------------------------------------------------------------------------


กิจกรรมล่องแก่งนครนายก

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หากเพื่อน ๆ ต้องการหลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองกรุง ไปสู่โลกในมุมใหม่ที่เงียบสงบ แวดล้อมด้วยภูเขาเขียว ๆ  น้ำตกสวย ๆ แถมยังซุกซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ภายใต้ความนิ่ง กระปุกท่องเที่ยวขอแนะนำ "นครนายก" เมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่ เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน อีกทั้งยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะการไปล่องแก่งมันส์ ๆ เพิ่มความท้าทายให้กับตัวเองที่ "ล่องแก่งแม่น้ำนครนายก" 


 ภาพกิจกรรมล่องแก่ง

 แม่น้ำนครนายก มีต้นกำเนิดจาก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เกิดจากลำธารหลายสายมารวมตัวกัน เช่น คลองตะไคร้ คลองนางรอง มารวมตัวกันเป็นแม่น้ำไหลผ่านจังหวัดนครนายก โดยจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกอยู่ที่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน หลังเขื่อนคลองท่าด่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และจะไปสิ้นสุดการล่องที่บริเวณบ้านวังยาว สำหรับการล่องแก่งที่แม่น้ำนครนายก มีระดับความยากและง่ายตั้งแต่ระดับ 3-5 สร้างความสนุกได้ทุกเพศทุกวัย ตลอดทั้งปี (กระแสน้ำจะไหลแรงในฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม) โดยจุดเริ่มต้นผจญภัยการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกอยู่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน เลาะเลี้ยวไปตามลำน้ำนครนายก ในระดับความแรงของสายน้ำที่ 1-3 ผ่านแก่งต่าง ๆ ที่สร้างความสนุกตื่นเต้นตลอดระยะทางในการล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมง


ภาพกิจกรรมล่องแก่ง


น้ำตกแก่งสามชั้น

    ส่วนแก่งต่าง ๆ ที่จะล่องผ่าน ได้แก่ แก่งโขดคุ้ง มีลักษณะเป็นโขดหินโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำในช่วงฤดูร้อน แต่จะจมลงไปในน้ำยามฤดูฝน, เกาะแก่ง มีลักษณะเช่นเดียวกันกับแก่งโขดคุ้ง ถ้าในช่วงฤดูร้อนจะมองเห็นเกาะแก่งนี้ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำจะท่วมเกาะแก่งนี้จนไม่สามารถมองเห็นได้
 และแก่งสุดท้ายที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการล่องแก่งแห่งนี้ คือ แก่งหินสามชั้น เพราะก่อนจะถึงตัวแก่งสามชั้นระยะทางไม่กี่เมตรจะถึงโค้งหักศอกก่อน ซึ่งนักล่องแก่งควรระมัดระวังตัวและพยายามบังคับฝีพายดี ๆ เพราะจากนี้จะได้พบกับแก่งหินสามชั้นที่มีลักษณะเทลาดเอียงลงมาเป็นขั้นบันได ระยะทางยาวประมาณ 50 เมตร กระแสน้ำจะไหลวนลงมากระทบกับโขดหินน้อยใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำ จนเกิดเป็นลูกคลื่นม้วนตัวเข้าหาหินสูงประมาณหนึ่งเมตร เป็นจุดท้าทายของนักพายเรือคายัคและแคนู ซึ่งจะมาประลองกำลังความสามารถกันที่บริเวณแก่งสามชั้นแห่งนี้



--------------------------------------------------------------------------------------------



น้ำตกต้นน้ำ (น้ำตกสวนลุงเปลี่ยน) นครนายก

     น้ำตกสวนลุงเปลี่ยนนี้เป็นน้ำตกต้นน้ำ ของวังตะไคร้ ซึ่งรับน้ำมาจากคลองมะเดื่ออีกที น้ำตกนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์หลายเรื่อง มีความเป็นส่วนตัว สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปรับประทานได้ทำอาหารได้ ภายในน้ำตกมีบ้านพัก1หลังไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักที่นั่นเลย เป็นบ้านพักของยายคนที่ดูแลน้ำตก (แต่แมลงค่อนข้างเยอะไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆ) ที่บ้านยายมีห่วงยางไว้บริการเช่าด้วยครับ ไม่ต้องเตรียมไปครับ ช่วงฤดูฝนน้ำจะเยอะหน่อยเล่นสนุกเลยครับประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม  แต่ช่วงฤดูแล้งน้ำจะน้อยแต่ก็พอสามารถเล่นได้


 น้ำตกต้นน้ำ สวนลุงเปลี่ยน

บรรยากาศภายในน้ำตกสวนลุงเปลี่ยนร่มเย็น ร่มรื่น ชุ่มชื้นไปด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมน้ำตกและความชื้นจากป่าไม้ โดนรอบๆ จะเป็นบริเวณป่าทั้งหมด มีหินก้อนโตให้เราสามารถนั่งเล่นนั่งกินอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าต้องไม่ต้องการนั่งหินหรือปูเสื่อ ยายก็มีแคร่ไม้ไผ่ไว้บริการให้เราอีกด้วยครับ


น้ำตกต้นน้ำ สวนลุงเปลี่ยน


น้ำตกต้นน้ำ สวนลุงเปลี่ยน


น้ำตกสวนลุงเปลี่ยนนี้น้ำจะใสสะอาดมากสีน้ำใสจนเขียวเลยครับ   อัตราค่าบริการท่านละ 20 บาท ค่าเช่าห่วงยางห่งละ 40 บาท และค่าแคร่ไม้ไผ่ 60 บาท ครับ จ่ายกับยายที่หน้าบ้านยายได้เลยครับ แค่นี้ก็มีความสุขกับธรรมชาติและสายน้ำที่ใสเขียวเย็นได้แล้ว


------------------------------------------------------------------------------------------- 


 คลองมะเดื่อ นครนายก

  เนื่องจากคลองมะเดื่อถูกค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา    โดยกลุ่มออฟโรดกลุ่มนึงเข้าไปบุกเบิกเส้นทางออกมาสู่สายตาสาธารณะชน    เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยขึ้น   หลังจากนั้นกลุ่มต่าง ๆ ก็พยายามเข้าเปิดเส้นทางที่นี่กัน  นับเป็นแหล่งสวรรค์ใกล้กรุงเทพที่สุด  ทำให้บรรดาขาลุยต่าง ๆ ต้องนัดกันมาเยือนยามหน้าฝนมาถึง    ถ้าฝนยิ่งตกหนักมากเท่าไหร่กระแสน้ำก็ไหลแรงมากขึ้นเท่านั้นบรรดารถออฟโรดขาลุยก็ยิ่งทะลักทะล้นบุกเข้าไปเรียกว่าป่าแตกกันเลยทีเดียว   เพื่อนัดกันมาพังรถกันที่ คลอง 5  ที่นี่เป็นที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยสายน้ำ และเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำนครนายกและเป็นต้นธารน้ำตกหลายแห่ง   สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปผู้ที่มาเยือนนครนายกจะนึกถึง วังตะไคร้ นางรอง สาริกา  เขื่อนขุนด่านปราการชลในการมาท่องเที่ยว  ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายโดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ รถบัส  รถ 2 แถว จะเข้าไปเปิดเพลงดังกระหึ่มน้ำตกวังตระไคร้ สร้างความวุ่นวายแต่สำหรับรถ 4wd  ที่วิ่งเข้ามาคลองมะเดื่อที่นี่กัน เพราะสายน้ำสวยงามกว่า  สะอาดกว่า   มีสายน้ำหลายสายให้เลือกเล่น    มีที่พักผ่นอและบ้านพักให้เป็นสังคมสังสรรค์ของชาวออฟโรด เท่านั้น 


คลองมะเดื่อ นครนายก 

คลองมะเดื่อคลองสอง

   คลองมะเดื่อคลองสอง เป็นแหล่งน้ำกว้างที่มีน้ำไหลผ่านสามารถลงเล่นน้ำได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่น้ำใสสะอาด บริเวณนี้จะมีบ้านพักด้วยนะครับ จากการไปสอบถามประมาณหลังละ 700 บาท/คืน บริเวณนี้จะมีร้านอาหาร ร้านขายผักผลไม้ของชาวบ้านที่เก็บจากป่าหรือชาวบ้านปลูกเอง สามารถนำอาหารเครื่องดื่มและทำอาหารกินกันได้ริมน้ำตกเลย ถ้ามีโต๊ะเก้าอี้เตรียมไปด้วยก็ดีนะครับ เพราะว่านำไปตั้งในน้ำตกได้บรรยากาศไปอีกแบบ นั่งกินแบบเท้าแช่น้ำคลาสสิคสุดๆ  บริเวณนี้จะเหมาะสำหรับเล่นน้ำที่สุดแล้วครับ


คลองมะเดื่อช่วงฤดูฝน

    การเดินทางเข้าไปคลองมะเดื่อ จากตัวเมืองนครนายกให้ไปทางป้ายเขื่อนขุนด่านปราการชลเลยครับ แต่ว่าอยู่ก่อนถึงเขื่อนประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากสามแยกสาริกาให้เลี้ยวขวามาทางเขื่อนให้สังเกตเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่ 2 ตรงนั้นจะเป็นแหล่งชุมชนมีร้านค้า,ร้านอาหารมากมาย ซอยทางเข้าจะเป็นซอยเล็กๆทางซ้ายมือติดกับโรงเรียนวัดบ้านดง ให้ตรงเข้าไปเรื่อยๆตามซอยจะผ่านวัดบ้านดงให้ตรงเข้าไปจนถึงสามแยกให้เลี้ยวขวาจากนั้นตรงไปตลอดตามเส้นทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร ก็จะพบกับน้ำตกคลองมะเดื่อครับ  

------------------------------------------------------------------------------------------------

  

 อุทยานวังตะไคร้

 

        อุทยาน วังตะไคร้ เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ประดับนานาพันธุ์ ในเนื้อที่ 1,500 ไร่มีถนนให้รยนต์วิ่งเข้าชมในบริเวณได้ เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภทเช้าไปเย็นกลับ และประเภทค้างแรมค่าผ่านประตู (ตั้งแต่ 1 ก.ย.46)

- นักท่องเที่ยวเดินเท้าคนละ 10 บาท
- รถทุกประเภท คันละ 150 บาท (ผู้โดยสารเกิน 8 คน คิดเพิ่มคนละ 10 บาท)
- สำหรับรถมอเตอร์ไซด์ ต้องจอดไว้บริเวณด้านหน้าทางเข้า ชำระค่าจอดรถ 10 บาท และค่าผ่านประตูเข้าวังตะไคร้ คนละ 10 บาท


วังตะไคร้


          วังตะไคร้หรือจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์อุทยาน  เป็นแหล่งที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 120 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวจังหวัดนครนายกประมาณ 16 กิโลเมตร มวลพฤกษชาติ พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับภายในอุทยานแห่งนี้จะออกดอกสะพรั่งตัดกับท้องฟ้าสี น้ำเงินทำให้เกิดทัศนียภาพงดงามทุกฤดูกาลโดยเฉพาะในฤดูฝน นอกจากนั้น ยังมีพันธุ์ไม้ นานาชนิด อุทยานวังตะไคร้จึงเป็นดินแดนที่มีเสน่ห์แห่งความงามตามธรรมชาติพื้นดินเป็น ที่ลาดเนิน สูง ต่ำ ตามธรรมชาติตัดกับท้องฟ้าสวยงามมากนับจากปี พ.ศ. 2495 ที่พลตรีพระจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต และหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ทั้งสองท่านสนใจในธรรมชาติได้เสด็จมาท่องเที่ยวได้ซื้อที่ดินและได้ปลูกบ้าน หลังเล็ก ๆ ไว้หลังหนึ่งใกล้ ๆ น้ำตกสาริกา ปัจจุบันได้ยกให้เป็นสมบัติของสถานีอนามัยต่อมาได้พยายามแสวงหาสถานที่เพื่อ สร้างตำหนักและอุทยานในชนบทสำหรับพักผ่อนพระอิริยาบถ ในที่สุดได้พบสถานที่ถูกใจ จึงได้ซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินจากชาวบ้าน ที่ครอบครองอยู่บริเวณที่เรียกกันว่า วังตะไคร้ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมที่ชาวบ้านเรียกกัน มานาน แล้วเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศตอนหนึ่งมีลำธารน้ำไหลมาสงบนิ่งอยู่เป็น วังน้ำกว้างบริเวณนี้มีความงดงามตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของลำธาร 2 ลำธารลำธารหนึ่งชื่อคลองมะเดื่อจากน้ำตกเหวกระถินกับอีกลำธารหนึ่งชื่อคลอง ตะเคียน จากน้ำตกแม่ปล้อง ลำธารทั้ง 2 นี้ไหลมาบรรจบกันเป็นธารเดียว มีแอ่งน้ำขัง เป็นวังน้ำอยู่เป็นตอน ๆ ไหลลงสู่แม่น้ำนครนายกและมีต้นตะไคร้น้ำตะไคร้หางนาค นับเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ชอบขึ้นอยู่ตามห้วยลำธารทั่วไป เป็นต้นไม้ที่เหนียวมากมีก้านสีดำและมีดอกสีชมพูน่ารักมาก บริเวณวังตะไคร้นี้เดิมมีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ต่อมาได้ซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินจากผู้อื่นขยายตัวเป็นสวนพฤกษชาติ มีเนื้อที่ประมาณ1,000 ไร่เนื่องจากวังตะไคร้นี้เป็นด้านที่รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ระหว่างเดือน กรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม จึงทำให้มีฝนตกชุกหุบเขาบริเวณนี้จึงมีพรรณไม้ใหญ่น้อยมากมาย ลำธารน้ำจะมีน้ำเต็มฝั่งไหลเชี่ยวจัด จึงเป็นที่เล่นกีฬาล่องแก่งด้วยแพยาง หรือชูชีพกันอย่างสนุกสนานพ.ศ.2497 ได้มีการถางป่าปรับพื้นที่บางส่วนพร้อมกับสร้างตำหนักเป็นที่ประทับพักผ่อน ส่วนพระองค์และญาติมิตร มีผู้มาชมสถานที่นี้บ้างเป็นครั้งคราว ท่านเจ้าของสถานที่ได้รวบรวมพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศฝากซื้อพันธุ์บ้างจากการสั่งซื้อบ้าง แลกเปลี่ยนกับนักเล่นต้นไม้ด้วยกันบ้าง และขยายพันธุ์ที่นี่ ด้วยเจตนาจะให้เป็นสวนพฤกชาติอันแท้จริงและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของ ประชาชน การขยายบริเวณวังตะไคร้ทำกันอย่างยากลำบาก กว่าจะเป็นอย่างที่เห็นขณะนี้ต้อง เพิ่มคนงานสั่งรถแทรกเตอร์ไว้ใช้งาน ทำเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วมยามฝนตกหนักต้องขุดต้นไม้บางชนิดที่ไม่จำเป็น ออกไปปราบต้นอ้อ และหญ้าคา ปลูกหญ้านวลน้อยให้เป็นสนามหญ้าอันเขียวสด ประดับด้วยไม้ดอก ไม้ใบนานาชนิดปลูกเป็นหมู่บ้างเดี่ยวบ้าง เป็นไม้ยืนต้นพุ่มใหญ่ พุ่มกลาง พุ่มเตี้ยมีไม้ล้มลุกทั้งไทยและเทศโดยรักษาสภาพธรรมชาติเดิมไว้อย่างสวยงาม มีขุนเขาสูงตระหง่านอยู่เป็นแนวเบื้องหลังนับเป็นอุทยานที่ตั้งใจสร้างขึ้น จากความฝันของคุณท่านซึ่งมีมากว่า 40 ปี ให้เป็นความจริงขึ้นมา หลังจาก พ.ศ. 2502 อันเป็นปีที่เสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์ คุณท่านได้ปรับปรุงสถานที่นี้ให้งดงามยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นอนุสรณ์แก่ พระองค์ท่าน คุณท่านได้เพิ่มความพยายามทั้งกำลังใจ กำลังทรัพย์ และเวลา ขยายงานที่อุทยานแห่งนี้ตลอดมาเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอันถาวร สร้างความสดชื่น สนุกสนานรื่นเริงสร้างเป็นสวนพฤกษชาติพร้อมทั้งให้ความรู้ทางพฤกษศาสตร์ เนื่องจากมี พรรณไม้ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศนำมารวบรวมไว้ เพื่อให้เป็นที่ศึกษาหาความรู้ด้านนี้ นอกจากนี้คุณท่านยังได้จ้างผู้เชียวชาญจากกรุงเทพมหานครเข้าไปร่วมงานการจัด สถานที่ให้เป็นสวนสาธารณะอย่างแท้จริงอีกด้วย พ.ศ. 2504 จึงเปิดให้ประชาชนเข้าชม อุทยานวังตะไคร้ นับเป็นสวนพฤกษศาสตร์ ที่มี ไม้ดอกไม้ประดับสวยงามปัจจุบันอุทยานวังตะไคร้ หรือจุมภฏ - พันธุ์ทิพย์อุทยาน หรือสวนพฤกษชาติวังตะไคร้เแห่งนี้ เป็นสมบัติของมูลนิธิจุมภฏ - พันธุ์ทิพย์ บริหารโดยคณะกรรมการ บริหารของมูลนิธิฯเพื่อให้เป็นไปตามตราสารของมูลนิธิฯในอันที่จะให้เป็นที่ พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นที่ศึกษาหาความรู้ทางพฤกษศาสตร์ที่มีความสวยงามมีไม้ประดับ สวนผลไม้ สวนดอกไม้สวนปาล์ม สวนต้นไม้ในวรรณคดี สวนไม้ผลป่า สวนป่า และสวนสมุนไพร ทั้งในประเทศและต่างประเทศเกือบทั่วโลกนับร้อยชนิด นับเป็นที่เชิดหน้าชูตาประเทศไทยไปอีกนาน แสนนานประกาศ: ขอเปลี่ยนแปลงค่าเข้าชม จุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ อุทยานวังตะไคร้ วังตะไคร้มีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกท่านในการปรับอัตราค่าผ่านประ ตูวังตะไคร้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งยังคงเป็นอัตราที่ต่ำกว่าสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพื่อให้มูลนิธิฯ สามารถพัฒนาวังตะไคร้อย่างต่อเนื่องและมอบสิ่งที่ดียิ่งขึ้นตอบแทนคืนสู่ผู้ ที่รักและอุปการะคุณต่อวังตะไคร้โดยกำหนดให้อัตราค่าผ่านประตูใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้ใน สิงหาคมพ.ศ. 2552

- นักท่องเที่ยวเดินเท้า คนละ 10 บาท
- รถคันละ 150 บาท

หมายเหตุ ถ้าผู้โดยสารเกิน 8 คน คิดเพิ่มตามจำนวนคนๆ ละ 10 บาทรายได้ทุกบาททุกสตางค์ เราจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาวังตะไคร้ หรือเพื่อทำสาธารณประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ จุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องทุนการศึกษาและการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม รายได้ทุก บาททุกสตางค์ที่มาจากท่าน เราจะคืนสู่สังคมมูลนิธิจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ และอุทยานวังตะไคร้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความอุปการะ และความสนับสนุนด้วยดีตลอดมา

------------------------------------------------------------------------------------------- 

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แขกร้านลาบ

แขกร้านลาบ

(ร้านน้องแต้ว)

หน้าร้านแขกร้านลาบ

    แขกร้านลาบหรือร้านน้องแต้วนี้เป็นร้านอาหารประเภทอาหารอีสาน เช่น ลาบ ส้มตำ จิ้มจุ่ม และอื่นๆ  เปิดมานานมากกว่า 10 ปีแล้วครับ ร้านตั้งอยู่บริเวณก่อนถึงแยกอุรุพงษ์ ถ้ามาจากแยกศรีอยุธยาให้ตรงมาเรื่อยๆจนถึงทางรถไฟ ข้ามทางรถไฟให้สังเกตุทางซ้ายมือเห็นป้ายรถประจำทาง แต่ร้านจะอยู่เลยป้ายรถประจำทางไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะถึงร้านเลย สังเกตุได้ง่ายเพราะร้านจะอยู่ติดกับถนนเลยครับ

ภาพบริเวณหน้าร้าน


    ร้านพี่แขกนี้จะมีด้านในร้านและด้านหน้าร้าน ด้านในร้านจะมีโต๊ะประมาณ  8 โต๊ะ ด้านนอกร้านจะมีโต๊ะประมาณ 10-12 โต๊ะ ครับ (ร้านนี้มีห้องน้ำ1 ห้อง โถปัสสาวะ 1 โถครับ)  ร้านเปิดประมาณ 17.00 น. ครับ แต่ว่าจะมีแต่อาหารประเภทปิ้งย่างและทอดนะครับ เพราะว่าพี่แขกกับภรรยายังไม่มาพี่แขกและภรรยาจะมาตอนเวลาประมาณ 17.30 น. อาหารจะแบ่งการทำอย่างเป็นสัดส่วนมากครับ คือ พี่คนที่อยู่หน้าเตาก็จะทำหน้าที่ปิ้ง , ย่าง , ทอด ทุกอย่างเลย (พี่คนนี้จะมาก่อนมาเปิดร้าน) ส่วนภรรยาคุณพี่แขก ก็จะมีหน้าที่ ตำส้มตำอย่างเดียวเลย (พี่คนนี้จะดูดุๆหน่อย ผมไปกินมาเกือบ 10 ปีแล้วยังไม่เคยเห็นแกยิ้มสักครั้ง) ส่วนพี่แขกเจ้าของร้านจะทำทุกอย่าง เช่น ลาบ ,น้ำตก ,อ่อม ,ต้มยำ และอื่นๆทั้งหมด ดังรายการอาหารต่อไปนี้


รายการอาหาร


    รายการอาหารก็จะมีแค่ที่แสดงให้เห็นนะครับ ปลาย่าง หอยแครง กบทอด จะไม่มีนะครับ และอาหารตามฤดูกาลก็จะมีนะครับเช่น ต้มยำ หัว พุง ไข่ ปลาช่อน ถ้าฤดูไหนปลาช่อนไม่มีไข่ อย่าไปสั่งนะครับ   แต่ถ้าใครมาร้านอาหารประเภทนี้แล้วไม่สั่ง "ส้มตำ" ก็คงไม่มีหรือมีน้อยมากนะครับ ส่วนมากจะสั่งกันทุกโต๊ะ ส้มตำที่นิยมสั่งกันก็มี ส้มตำไทย ส้มตำไทยใส่ปู ส้มตำปูปลาร้า ส้มตำไข่เค็ม ตำโคราช ตำถั่ว ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ อร่อยทุกตำเลยนะครับ (ถึงแม้ว่าคนตำจะดูน่ากลัวไปสักหน่อย แต่ว่ารสชาติที่ออกมานั้นอร่อยมากจริงๆ) หรือถ้าใครชอบอาหารประเภทต้มร้อนๆไม่เน้นเนื้อสัตว์ ผมขอแนะนำ "อ่อม" ครับ ที่ร้านนี้มีอ่อมให้เลือกอยู่ด้วยกัน 4 รายการนะครับ คือ อ่อมหมู อ่อมเนื้อ อ่อมเป็ด และอ่อมปลาช่อน อ่อมที่ร้านนี้จะมีความหอมของน้ำปลาร้า และ ผักชีลาว ความเผ็ดกำลังดี และยังได้ความสดของผักต่างๆเช่น บวบ มะเขือเปาะ กะหล่ำปลี เห็ด อีกด้วย
   


อาหารแขกร้านลาบ

    อาหารประเภทย่างก็มี คอหมูย่าง ตับหมูย่าง เนื้อย่าง ไส้ย่าง อาหารประเภททอดที่คนนิยมสั่งก็คือ ปากเป็ดทอด เนื้อทอด ไส้ตันทอด ครับ ส่วนคอหมูย่างนั้นจะมีรสชาติออกหวานนิดๆ ซึ่งถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วซึ่งมีรสเปรี้ยวเค็มและเผ็ด แล้วผมว่าอร่อยมากครับ  นอกจากนั้น ลาบ หรือ น้ำตก ก็อร่อยเช่นกัน ซึ่งมีรสจัด และหอมกลิ่นข้าวคั่วและเครื่องปรุง อีกด้วย ลาบที่ลูกค้านิยมสั่งกันที่คือ ลาบเป็ด  , ลาบปลาหมึก และลาบหมู ลาบเป็ด นี่เป็นเมนูที่ผมขาดไม่ได้เลยครับ อร่อย สุดๆ


อาหารแขกร้านลาบ

  รวมๆแล้ว สรุปได้ว่าเป็น ร้าน ลาบ ส้มตำ ริมถนนที่รสชาติอร่อยใช้ได้เลย ราคาปลานกลาง เฉลี่ยๆ จานละ 50-60 บาท อืม....เกือบลืมบอกเลยครับว่า ร้านนี้ปิดตอนไหน ...... เคยถามพี่ๆที่ร้านหลายครั้งแล้วครับ พี่เค้าบอกว่า ปิดเวลาที่ลูกค้าโต๊ะสุดท้ายอิ่มแล้วคิดเงิน ก็คือว่า กินได้เรื่อยๆจนไม่มีคนกินนั่นแหละครับเค้าถึงจะปิดร้าน  ผมเคยกินถึงตีหนึ่งกว่าๆก็ยังไม่ปิดนะครับ 

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าพอง สภาสังคมสงเคราะห์

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูประถัมภ์ ผมเชื่อว่าชื่อนี้คุณหลายๆคนคงอาจเคยได้ยินและคุ้นหูกัน แต่คงมีสักไม่กี่คนที่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เป็นสถานที่เล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยฯครับ ก็คืออยู่บริเวณสี่แยกตึกชัยนั่นเอง สถานที่นี้อยู่ตรงข้ามอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ของรพ.รามาธิบดี ถ้ามาจากอนุสาวรีย์ชัยฯตรงมาถึงแยกตึกชัย จากนั้นเลี้ยวขวาก็ถึงเลย อยู่ด้านซ้ายมือนะครับ บริเวณนี้จะมีร้านอาหารอยู่ไม่มาก ประมาณ 3-4 ร้าน ร้านป้าพอง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเดียว เข้าไปอยู่ร้านแรกเลยครับ พวกผมเรียกกันว่าป้าพองอาร์ทติส ร้านป้าแกขายก๋วยเตี๋ยวก็จริงครับ แต่ก๋วยเตี๋ยวป้าพองมีหลายสูตรมาก  แต่เราไม่รู้ล่วงหน้าเลยว่าพรุ่งนี้จะขายสูตรไหน (แล้วแต่อารมณ์ป้าพองน่ะครับ) เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ก๋วยเตี๋ยวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวหมูสูตรโบราณ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก็คือว่าแล้วแต่ดวงน่ะครับ ว่าวันนี้จะได้กินสูตรอะไร บางวันยิ่งกว่านั้นครับ ไม่ขายก๋วยเตี๋ยวซะงั้นครับ แต่เป็น ข้าวขาหมู หรือ ข้าวมันไก่ แทน แต่รสชาติของข้าวขาหมูอร่อยมากครับ กลิ่นเครื่องเทศแทรกซึมเข้าถึงเนื้อในของหมู คะน้าสดๆ ที่เพิ่งลวกในแต่ละจาน การบรรจงหั่นหมูอย่างปราณีต พิถีพิถัน บางทีบรรจงจนไปสนใจคิวที่รอเลย ส่วนข้าวมันไก่ ข้าวหุงอย่างสวยเลย ไม่นิ่มไม่แข็งจนเกินไปและที่สำคัญ ไม่มันมาก และยังหอมมากอีกด้วย แต่ไม่ใช่ประเด็นนะครับ สิ่งที่ทำให้หลายๆคนติดใจ รวมทั้งผมด้วยก็คือ น้ำจิ้มสูตรเด็ด ครับ แต่เราไม่สามารถจะกินได้ทุกวันนะครับ เมนูข้าวขาหมูและข้าวมันไก่นี้ ป้าพองทำเดือนละ 2-3 วันเท่านั้นเอง ถ้าวันไหนเราเจอเมนูข้าวนี่ถือว่าสเปเชียล แล้วครับ อารมณ์ป้าพองนี่ศิลปินจริงๆ

ตู้ก๋วยเตี๋ยวโบราณไม้สักร้านป้าลำพอง

ความคลาสสิคของตู้ก็บอกได้แล้วว่าป้าพองขายมาหลายสิบปี ขายก๋วยเตี๋ยวส่งลูกเรียนจนจบปริญญาแล้วครับ ราคาก็ไม่แพงครับ ชามละ 30 บาทเท่านั้นเอง พิเศษก็ 35 บาท ใส่ถุงกลับบ้านก็ 35 บาทครับ เมนูที่ผมอยากแนะนำก็คือ บะหมี่ต้มยำเย็นตาโฟแห้ง รสชาติแซ่บมากโดยไม่ต้องปรุงเพิ่งเลย แต่ว่าก๋วยเตี๋ยวโบราณก็อร่อยไม่แพ้กันนะครับ เครื่องในต่างๆ ครบเครื่อง เช่น ตับ กระเพาะ หัวใจ ไส้ หมูซึ่งต้มจนเปื่อย ลืมบอกไปนะครับ ร้านนี้ไม่ขายเนื้อนะครับ เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูล้วนๆเลยครับ 


ก๋วยเตี๋ยวชนิดต่างๆ ของร้านป้าลำพอง

    นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วอย่างที่บอกนะครับ เมนูข้าวที่อร่อยไม่แพ้กันเลย ข้าวขาหมูป้าพอง เมนูพิเศษจะได้กินเดือนละ 2-3 ครั้งเท่านั้นครับ แล้วก็หมดเร็วด้วย ต้องไปซื้อแต่เช้าเพราะเที่ยงๆก็หมดแล้ว เช่นเดียวกันกับข้าวมันไก่ครับ ถ้าไม่ซื้อตั้งแต่ตอนเช้ามีหวังอดกินและต้องรอกันไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้กว่าป้าพองจะทำขายอีก อยู่ที่อารมณ์อีกนั่นแหละครับ แต่ความอร่อยก็คุ้มค่ากับการรอคอยนะครับ และนานๆกินทีจะได้ไม่เบื่อ

ข้าวขาหมูป้าลำพอง

  ซึ่งความอร่อย,ราคาถูกและอยู่ใกล้ที่ทำงานนนี้ทำให้ผมและเพื่อนๆ เป็นลูกค้าประจำของป้าพองนั่นเอง ถ้าใครอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ หรืออยากลองฝีมือของป้าพอง เชิญมาชิมกันได้นะครับ ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าพองเปิดแต่เช้าเลยครับประมาณ 07.00 น. ถึงประมาณ 14.00 น. ครับ ถ้ามาช้ากว่านี้อดกินแน่นอนครับแต่ต้องลุ้นกันนิดนะครับว่ามาแล้วจะได้กินเมนูอะไร แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เพราะว่าทุกเมนูอร่อยเหมือนกันหมด

ก๋วยเตี๋ยวหมูแดง 

บรรยากาศที่ร้านและลูกค้าประจำ

   โดยรวมๆแล้วเป็นร้านธรรมดาๆที่รสชาติอร่อยและราคาประหยัดนั่นเองครับ ถ้าผ่านมาแวะชิมกันได้ครับ อืม..แต่ขอบอกก่อนนะครับ ถ้าวันหลังจากวันที่สลากกินแบ่งรัฐบาลออก 1 วัน คือวันที่ 2 และ 17 ของทุกเดือน ไม่ควรมานะครับ คนจะเยอะมากๆ เพราะมีการรับสลากกินแบ่งรัฐบาล คนจะเยอะมากเป็นพิเศษ
       วันนี้ผมถือว่าเป็นโอกาสดีครับ เช้าๆผมว่าจะไปซื้อหมูทอดข้าวเหนียวแต่เดินผ่านร้านป้าพองต้องเปลี่ยนใจครับ วันนี้ป้าพองทำข้าวมันไก่ครับ เมนูที่หลายๆคนรอคอยก็มาถึง ป้าพองบอกว่าช่วงนี้หมูถูกเร็วๆนี้อาจได้กินข้าวหมูแดง หรือ ข้าวขาหมู ครับ

ข้าวมันไก่ป้าพอง

น้ำจิ้มสูตรเด็ด


   สิ่งที่ขาดไม่ได้นะครับ น้ำจิ้มสูตรเด็ดที่รสชาติออกหวานนิดๆ และยังมีกระเทียมสับละเอียดและพริกขี้หนูสวนหั่นละเอียดเพื่อเพิ่มรสชาติและความเผ็ดร้อนเข้าไปอีก

ป้าลำพอง

  บรรยายกันมาตั้งนานไม่เห็นหน้าตาสักทีวันนี้พอซื้อเสร็จขอป้าพองถ่ายสักรูป ( ลูกค้ายังไม่เยอะ ) เมื่อสักครู่ เวลา 11.30 น. เพื่อนจะไปซื้อบ้างแต่ว่า (ตามที่คาดหมายไว้) หมดซะแล้ว อดกินตามเคย เดี๋ยวคราวหน้าถ้าป้าพองทำข้าวหมูแดงผมจะเอามาลงอีกนะครับ ขอบคุณครับ