สุนัขพันธุ์ไทยบางแก้ว
หมาบางแก้ว
หมาบางแก้วมีแหล่งกำหนดที่วัดบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนริมแม่น้ำยมในอดีตชาวบ้านอาจเลี้ยงไว้บ้านละตัวสองตัว แต่ถ้าเป็นสิบ ๆ ตัวต้องที่วัดบางแก้ว โดยหลวงพ่อมาก สุวัณณโชโต (เมธาวี) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแก้วรุ่นที่ 3 (ราว พ.ศ. 2405) มีเป็นฝูง และขึ้นชื่อเรื่องความดุที่คนละแวกนั้นทราบกันดี ในสมัยโบราณคนจะเลี้ยงหมาดุไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าทรัพย์สิน บริวาร หรือปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้กินไว้ขาย แต่ในความดุดันนั้นยังคงไว้ซึ่งความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนาย เมื่อทราบกิตติศัพท์หมาดุแห่งวัดบางแก้ว ชาวบ้านได้มาขอลูกหมาจากวัดไปเลี้ยงต่อ ๆ กันไป สันนิษฐานกันว่าหมาบางแก้วมาจากการผสมข้าวพันธุ์ระหว่างสุนักพันธ์ ไทยโบราณเพศเมียกับหมาจิ้งจอกและหมาไน เนื่องจากลักษณะเด่นที่หมาบางแก้วได้รับการถ่ายทอดจะมาจาก 3 สายพันธุ์นี้เป็นหลัก กล่าวคือ
1.หมาจิ้งจอก (Canis Auresus) มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด
หมาจิ้งจอกทองหรือหมาทอง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คานิส ออรีอัส (Canis Aureus) มีลักษณะคล้ายหมาป่าวูล์ฟ ขนาดเล็ก มีอยู่อย่างกระจัดกระจายตั้งแต่อัฟริกาใต้ไปจนถึงอัฟริกาเหนือ มีขนสีน้ำตาลปนเหลือง ส่วนหลังและหางจะแซมด้วยขนสีดำ
หมาจิ้งจอกหลังดำ (Black-backed) หรือหลังอาน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คานิส เมโวเมลาส์ (Canis Mesomlas) พบในอัฟริกาตอนกลาง อัฟริกาใต้ ที่หลังมีขนยาวสีดำปนขาวแผ่กระจายเต็มหลังไปจนถึงบริเวณหางคล้ายกับอานม้าและใบหูใหญ่
หมาจิ้งจอกข้างลาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คานิส เอดัสตัส (Canis Adustus) หมาจิ้งจอกพันธุ์นี้มีขนสีเทาและมีขนสีดำพาดเป็นทางด้านข้างของลำตัว ที่ปลายหางจะมีสีขาว พบในอัฟริกาเขตร้อน
หมาจิ้งจอกไซเมี่ยน แจ็คกัล (Simian Jackal) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คานิส ไซเมนซิส (Canis Simensis) พบในเขตที่ราบสูงเอธิโอเปีย มีรูปร่างและขนาดอยู่ระหว่างหมาจิ้งจอกฟ๊อกซ์ (Fox) และหมาป่าวูล์ฟ (Wolf) แต่ดูแล้วจะเหมือนหมาจิ้งจอกฟ๊อกซ์ (Fox) มากกว่า ลักษณะที่เด่น ๆ คือ หูตั้ง ใบหูใหญ่ ปลายหูแหลม ลำตัวค่อนข้างยาว ขนตามลำตัวสีแดง ส่วนขนที่ใต้คอสีขาว และมีแนวขนสีแดงแก่พาดรอบคอ ขายาว บนที่บริเวณปลายขาจะมีสีขาว หางเป็นพวง โคนหางขาวปลายโคนหางประมาณ 100 เซนติเมตร (40 นิ้ว) หรือ 1 เมตร หางยาว 30 เซนติเมตร (10 นิ้ว) น้ำหนัก 10 กิโลกรัม (22 ปอนด์) ตามธรรมชาติจะชอบอยู่เป็นคู่หรืออยู่ลำพังตัวเดียว หมาจิ้งจอกพันธุ์นี้นับว่าเป็นหมาที่มีขนาดใหญ่ แต่ชนิดที่มีอยู่ในแถบเอเชียและที่พบในประเทศไทยนั้นเป็นชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canis Aureus Indicus (คานิส ออริอัส อินดิคัส) ขนของหมาจิ้งจอกจะมีสีน้ำตาลปนเทา มีลายกระดำกระด่างเปรอะ ๆ ไม่มีสีพื้นแดงสนิมเหมือนอย่างขนของหมาไน นอกจากนั้นแล้วยังมีขนยาวปกคลุมรอบคอเป็นแผงใหญ่ ขนในบริเวณนี้ปลายขนจะมี สีดำ ขนตามลำตัวจะมีลักษณะเป็นขนสองชั้น แผ่นชี้ปกคลุมตั้งแต่ท้ายทอยลงมาถึงกลางหลังเรื่อยลงไปจนถึงโคนหาง มีลักษณะคล้ายกับอานม้ามากกว่าขนที่กลางหลังของหมาไทยพันธ์หลังอานเสียอีก เพราะขนที่หลังของหมาหลังอานเป็นขนชนิดที่ย้อนกลับคล้าย ๆ กับขวัญ หางของหมาจิ้งจอกจะสั้นกว่าหางของ หมาไนและขนที่หางจะมีสีดำเพียง 1 ใน 3 ส่วนหมาไนนั้นขนที่หางจะมีสีดำ ความสูงประมาณ 40 เซนติเมตร น้ำหนักตัวประมาณ 7-14 กิโลกรัม (15-31 ปอนด์) ความยาวของลำตัววัดจากหัวถึงโคนหางประมาณ 60-70 เซนติเมตร (24-30 นิ้ว) ความยาวของหางวัดจากโคนหางถึงปลายหางประมาณ 23-25 เซนติเมตร (9.2-14 นิ้ว) สำหรบขาขอหมาจิ้งจอกจะเล็กและยาวเรียวเวลาก้าวย่างเดินจะโหย่งเท้า กะโหลกศีรษะอยู่ในจำนวนพวกสกุลคานิส ลักษณะของจมูกจะยาว แต่จมูกไม่ดำ ลำตัวกลมและแข็งแรง สันกลางต่ำ โค้งกว้างแตกต่างกับหมาไน ซึ่งมีจมูกสั้นและจมูกสีดำ หน้าผากของหมาจิ้งจอกค่อนข้างจะแบนเล็กน้อย หน้าแหลม หูตั้งป้องไปด้านหน้า
2.หมาไน (Asiam Wild Dog)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cuon Alpinus ชื่อเมือนหรือชื่อพ้องคือ Canis Javanicus หรือ Canis Rutiland) บางครั้งก็เรียกว่าหมาไนว่า "หมาแดง" (Red dog) มีลักษณะแตกต่างกว่าหมาจิ้งจอก คือ มีสีแดงสนิม (Rush red) ตลอดทั้งตัว ไม่มีแผงคอเหมือนหมาจิ้งจอก หางมีสีดำ ความยาวของหาง 40-50 เซนติเมตร (16-20 นิ้ว) ความยาวของลำตัววัดจากหัวถึงโคนหาง 88-113 เซนติเมตร (35-45 นิ้ว) น้ำหนักตัว 14-21 กิโลกรัม จึงมีลักตัวยาวเพรียวกว่าหมาจิ้งจอกและท้องไม่คอดกิ้วเช่นหมาไทยพื้นบ้าน หมาไนตัวใหญ่กว่าหมาจิ้งจอก มีสีเดียวกันตลอดทั้งตัว (มากกว่าหมาจิ้งจอก) หางยาวและสีเข้มกว่า จมูกเข้มกว่า และสั้นกว่า ภายในหูมีขนขาวละเอียดอ่อนปกคลุม ปลายหูกลมมน ไม่แหลมเหมือนหมาจิ้งจอก มีขนตามลำตัวสีแดงสนิม ขนยาวกว่าหมาจิ้งจอก ขนที่แผงคอไม่มี (หมาจิ้งจอกมี) เท้าและขนที่หางมีสีดำ ลูกที่เกิดใหม่จะมีสีดำคล้ำ เมื่อโตขึ้นสีจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงสนิม กะโหลกศีรษะคล้ายกับของหมาจิ้งจอก แต่ใหญ่กว่า จมูกกว้างและส่วนหน้าแบนกว่า เบ้าตาต่ำกว่า รูปร่างฐานเบ้าตาสั้นกว่าและทื่อค่อนไปทางข้างหน้า ลักษณะฟันไม่เหมือนกัน ไม่มีกรามที่สามด้านล่าง กรามล่างอันแรกมีเพียงเขี้ยวเดียว (แต่ในหมาจิ้งจอกมี 2 เขี้ยว) ปากอมสีน้ำตาลเข้มหรืออาจมีสีขาวปน หางเป็นพวกห้อยลงดิน ส่วนมากจะหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ร่มหรือโพรงดินตื้น ๆ เห่าเสียงธรรมดาถี่ ๆ แต่เมื่อตกใจจะร้องเสียงแหลม หมาไนสามารถกระโดดได้ไกล 3-3.5 เมตร เวลาวิ่งกระโดดไกล 5-6 เมตร และสูง 3-3.5 เมตร เวลาล่าเหยื่อที่เป็นสัตว์ใหญ่กว่าจะรวมตัวกันเป็นฝูง 6-8 ตัว จนถึง 20 ตัว หาเหยื่อได้โดยการดมกลิ่น และสะกดรอยไปจนเห็นเหยื่อ จากนั้นจะไล่เหยื่อไปจนเหนื่อยอ่อนและจนมุม
3.หมาไทยพื้นบ้าน
ขนตามลำตัวสั้นเกรียน ละเอียดเป็นเงา หูตั้ง ปลายหูแหลม แข้งขาเล็กเรียวคล้ายขาเก้ง อุ้งเท้าเล็ก ลำตัวค่อนข้างยาวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หางมีหลายรูปแบบคือหางกระรอก หางงอม้วนเป็นก้นหอยหรือขนมกง
ลูกสุนัขพันธุ์ไทยบางแก้ว
พันธุกรรมที่ได้รับ
จากหมาจิ้งจอก
ลักษณะต่าง ๆ ทางพันธุกรรมที่หมาบ้างแก้วได้รับจากหมาจิ้งจอกที่เห็นได้ชัดคือ
ข้อเท้า เอนเข้าหาตัวเพียงเล็กน้อย
เขี้ยว ที่เล็กและแหลมคม
สีขน มีลักษณะจุดประหรือแต้มด่าง ซึ่งในหมาไทยทั่วไปไม่มี
เส้นขน หยาบเป็นมันส่องประกายแวววาว ส่วนมากจะเหยียดตรงหรือหยิกฟูนุ่มมือน้อยกว่าหมาไทยลูกผสมอื่นๆ ลูกหมาบางแก้วอายุ 1-2 เดือน ขนจะหยาบกระด้างกว่าขนของหมาจู
ขน เป็นขนยาวสองชั้น โดยขนชั้นในสั้นเป็นปุยและละเอียดอ่อนนุ่มเหมือนปุยฝ้าย ขนชั้นนอกยาวฟู บริเวณกกหู คอ ใต้คาง และแผงอกแผ่กระจายดูคล้ายคอสิงห์โต ขนที่สีข้างจะค่อนข้างยาว
หู คล้ายหมาจิ้งจอก มีขนปุกปุยในรูหูและโคนกกหูด้านนอก
จากหมาไน
พันธุกรรมที่หมาไนถ่ายทอดมาสู่หมาบางแก้วที่สังเกตได้คือ
ขน หมาบางแก้วบางตัวมีขนสีน้ำตาลแดงหรือสีสนิมแต้มอยู่บริเวณแก้ว ลำตัว อุ้งเท้า ถ้าเป็นเพศเมียจะมีบริเวณอวัยวะเพศอย่างเห็นได้ชัด
หู เล็กสั้นและตั้ง
ลำตัว ลำตัวจะยาวและท้องไม่กิ่วเหมือนหมาไทยพื้นบ้าน
หาง อาจมีขนสีดำที่โคนและปลายหาง
ขา ใหญ่กว่าหมาไทยทั่วไป
ปาก บางตัวปากมอม ซึ่งในหมาจิ้งจอกจะไม่มีปากมอม
จากหมาไทยพื้นบ้าน
พันธุกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา หมาบ้างแก้วได้รับการถ่ายทอดจากหมาไทยพื้นบ้าน โดยเฉพาะหางที่โค้งงอขึ้นบน
ลักษณะต่าง ๆ ทางพันธุกรรมที่หมาบ้างแก้วได้รับจากหมาจิ้งจอกที่เห็นได้ชัดคือ
ข้อเท้า เอนเข้าหาตัวเพียงเล็กน้อย
เขี้ยว ที่เล็กและแหลมคม
สีขน มีลักษณะจุดประหรือแต้มด่าง ซึ่งในหมาไทยทั่วไปไม่มี
เส้นขน หยาบเป็นมันส่องประกายแวววาว ส่วนมากจะเหยียดตรงหรือหยิกฟูนุ่มมือน้อยกว่าหมาไทยลูกผสมอื่นๆ ลูกหมาบางแก้วอายุ 1-2 เดือน ขนจะหยาบกระด้างกว่าขนของหมาจู
ขน เป็นขนยาวสองชั้น โดยขนชั้นในสั้นเป็นปุยและละเอียดอ่อนนุ่มเหมือนปุยฝ้าย ขนชั้นนอกยาวฟู บริเวณกกหู คอ ใต้คาง และแผงอกแผ่กระจายดูคล้ายคอสิงห์โต ขนที่สีข้างจะค่อนข้างยาว
หู คล้ายหมาจิ้งจอก มีขนปุกปุยในรูหูและโคนกกหูด้านนอก
จากหมาไน
พันธุกรรมที่หมาไนถ่ายทอดมาสู่หมาบางแก้วที่สังเกตได้คือ
ขน หมาบางแก้วบางตัวมีขนสีน้ำตาลแดงหรือสีสนิมแต้มอยู่บริเวณแก้ว ลำตัว อุ้งเท้า ถ้าเป็นเพศเมียจะมีบริเวณอวัยวะเพศอย่างเห็นได้ชัด
หู เล็กสั้นและตั้ง
ลำตัว ลำตัวจะยาวและท้องไม่กิ่วเหมือนหมาไทยพื้นบ้าน
หาง อาจมีขนสีดำที่โคนและปลายหาง
ขา ใหญ่กว่าหมาไทยทั่วไป
ปาก บางตัวปากมอม ซึ่งในหมาจิ้งจอกจะไม่มีปากมอม
จากหมาไทยพื้นบ้าน
พันธุกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา หมาบ้างแก้วได้รับการถ่ายทอดจากหมาไทยพื้นบ้าน โดยเฉพาะหางที่โค้งงอขึ้นบน
มาตรฐานสายพันธ์สุนัขบางแก้ว
ชมรมผู้อนุรักษ์และพัฒนาสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว จ.พิษณุโลก เป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่ได้ประชุม ตกลงร่างมาตรฐานหมาบางแก้วขึ้นมา (ในปี พ.ศ. 2534ป และได้ถือเป็นแบบอย่างมาเท่าทุกวันนี้
หมาบางแก้วจะเดินหรือวิ่งเหยาะ ๆ ท่วงท่าสวยงาม ปกติจะวิ่งซอยเท้าถี่ ๆ สง่างาม บางตัวเวลาเดินเห็นแผงขนบนสันหลังยกขึ้นดูสง่างามเฉกเช่นม้าย่างเท้าสวนสนาม ขึ้นชื่อมากเรื่องความดุ มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ รักและหวงเจ้าของ ไม่ชอบคนแปลกหน้า มีความสามารถในการดมกลิ่นเป็นเลิศ จำเสียงได้ แม่นยำ กินอาหารง่าย มีความกล้าหาญ กล้าที่จะสู้กับสุนัขที่ตัวโตกว่า มีประสาทตื่นอยู่เสมอแม้นอนหลับ เป็นสุนัขที่ชอบเล่นน้ำ เมื่อหมอบข้อศอกจะแนบกันพื้นและเท้าหลังจะแบออกทั้งสองข้าง ก่อนจะกินน้ำในอ่าง ชอบเอาเท้าหน้าข้างหนึ่งข้างใดจุ่มลงไปในอ่างก่อน เวลาขู่จะเหยียดขาหน้าพุ่มไปข้างหน้า แล้วผงกหัวและแผงขนหลังตั้งขึ้นพร้อมกับส่งเสียงขู่ ชอบกินเนื้อสัตว์และปลา เนื่องจากหมู่บ้านบางแก้ว อาชีพหลักของชาวบ้านแถบนั้นคือจับปลา ค้าปลาน้ำจืด และเลี้ยงสุนัขไว้บนแพ อาหารที่ได้จึงหลีกไม่พ้นปลา แต่อาหารอื่นก็กินได้เช่นกัน
หมาบางแก้วจะเดินหรือวิ่งเหยาะ ๆ ท่วงท่าสวยงาม ปกติจะวิ่งซอยเท้าถี่ ๆ สง่างาม บางตัวเวลาเดินเห็นแผงขนบนสันหลังยกขึ้นดูสง่างามเฉกเช่นม้าย่างเท้าสวนสนาม ขึ้นชื่อมากเรื่องความดุ มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ รักและหวงเจ้าของ ไม่ชอบคนแปลกหน้า มีความสามารถในการดมกลิ่นเป็นเลิศ จำเสียงได้ แม่นยำ กินอาหารง่าย มีความกล้าหาญ กล้าที่จะสู้กับสุนัขที่ตัวโตกว่า มีประสาทตื่นอยู่เสมอแม้นอนหลับ เป็นสุนัขที่ชอบเล่นน้ำ เมื่อหมอบข้อศอกจะแนบกันพื้นและเท้าหลังจะแบออกทั้งสองข้าง ก่อนจะกินน้ำในอ่าง ชอบเอาเท้าหน้าข้างหนึ่งข้างใดจุ่มลงไปในอ่างก่อน เวลาขู่จะเหยียดขาหน้าพุ่มไปข้างหน้า แล้วผงกหัวและแผงขนหลังตั้งขึ้นพร้อมกับส่งเสียงขู่ ชอบกินเนื้อสัตว์และปลา เนื่องจากหมู่บ้านบางแก้ว อาชีพหลักของชาวบ้านแถบนั้นคือจับปลา ค้าปลาน้ำจืด และเลี้ยงสุนัขไว้บนแพ อาหารที่ได้จึงหลีกไม่พ้นปลา แต่อาหารอื่นก็กินได้เช่นกัน
หัวกะโหลก กะโหลกใหญ่ ปากยาวแหลม คอยาวกว่าหมาไทยทั่วไป กะโหลกศีรษะและปากรับกันเป็นรูปสามเหลี่ยม หูเล็กสั้นตั้งป้องไปข้างหน้า ปลายหูเบนออกข้างเล็กน้อย โคนหูทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าหมาไทยหลังอาน จึงใช้เป็นจุดเด่นในการสังเกตว่าเป็นหมาบางแก้ว ตาเล็กกลมรี พื้นสีตาเป็นสีเหลืองทองคล้ำ ม่านตาตรงกลางสีดำ มีแววของความไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ ขณะโกรธหรือขู่จะขึ้นแววฟ้าใส แววที่เรียกว่า "ตาเขียว" จมูกสีดำ ฟันซี่เล็กขาวคม มีเขี้ยวข้าบน 2 ล่าง 2 ลิ้นเป็นสีชมพู ส่วนมากไม่มีปากดำเหมือนหมาไทยหลังอาน
หู มี 2 ลักษณะ คือ ถ้าหากใบหูใหญ่ปลายหูกลมมน ภายในหูมีขนปกคลุมปิดรูหูเป็นลักษณะของหูสุนัขจิ้งจอก แต่ถ้าหูเล็กสั้นมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ตั้งป้องตรงไปข้างหน้า ปลายหูเบนออกไปทางด้านข้างเล็กน้อย จะเป็นลักษณะของหูหมาไน ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก หูของหมาบางแก้วส่วนมากที่ขอบใบหูจะมีลักษณะเป็นสันเล็ก ๆ มีขนอ่อนปกคลุมอยู่ภายในหู และที่กกหูด้านนอกจะมีขนปุยนุ่มปกคลุมมากบ้างน้อยบ้าง ตา มีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยมคล้ายตาเสือ ที่ทำเป็นเซื่องซึม แต่เมื่อเจอะเจอคนแปลกหน้าจะมีแววดุวาวและเขียวปั๊ด ปาก ปากแหลมเรียวกว่าสุนัขไทยทั่ว ๆ ถ้าหากมองจากหน้าหน้าจะสังเกตเห็นว่าหัวกะโหลกลงมายังปากจะแคบสอบลงไปเรื่อย ๆ คล้ายกับสามเหลี่ยม ถ้าหากสีของลำตัวด่างแดงสนิมกับขาวหรือดำขาวบริเวณปากจะมีสีขาวผ่านตลอดใต้ คางที่ปลายปาก ซึ่งคล้ายคลึงกับลักษณะของสุนัขจิ้งจอกและหมาไน ซึ่งคนไทยโบราณเรียกว่า ปากคาบแก้ว ถ้าเป็นสีปลอดมักจะไม่มี ฟันแข็งแรง เขี้ยวเล็ก แหลมคม คอ ใหญ่ หนา และแข็งแรงมาก เมื่อโตเป็นหมาหนุ่มสาวจะต้องใช้โซ่และปลอกคอที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรง เพราะเวลากระโดดหรือกระชากจะได้ไม่ขาดง่าย หาง โคนหางใหญ่ โค้งงอไปข้างหน้า ถ้าปลายคางจรดกลางหลังไม่ไพล่ไปข้างใดข้างหนึ่งของลำตัวจะสวยงามมาก ขนที่หางจะยาวตั้งเป็นพุ่มกระจายเป็นพวงโค้งไปข้างหน้า ปลายหางจรดหลัง หางที่ขอดเป็น วงกลมหรือหางที่มีลักษณะอื่นๆ มิได้หมายความว่าไม่ถูกต้องตามลักษณะของหมาบางแก้ว ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะของหางที่โค้งงอไปบนหลังนั้นเป็นลักษณะเด่นทางพันธุ กรรมของหมาไทย ส่วนหางที่มีลักษณะเป็นพุ่มพวงนั้นเป็นลักษณะเด่นทางพันธุกรรมของหมาไนและ หมาจิ้งจอก ด้วยเหตุผลดังกล่าวหมาพันธุ์ บางแก้วส่วนมากจังมีหางโค้งเป็นครึ่งวงกลมหรือวงกลม แต่เป็นพวงสวยงาม |
พอสรุปลักษณะเด่นของหากได้ 3 แบบ คือ
1. หางตั้งโค้งไปข้างหน้า บางตัวหางจะเหยียดตรงวางทาบไปบนหลัง
2. หางพุ่งไปด้านหลังแล้วโค้งตั้งขึ้นเหมือนหางดาบ ถ้าหางยาวจะโค้งมาจรดหลัง ถ้ายาวมากจะเบี่ยงลงข้าง ถ้าหางเป็นพวงใหญ่มีน้ำหนักมาก หางจะไพล่ห้อยลงข้างตัว ซึ่งส่วนใหญ่หมาบางแก้วจะมีหางลักษณะนี้
3. หางเป็นพวงลาดแบบแทงดิน ยาวห้อยลงอย่างหางม้า เวลาดีใจ เมื่อเดินทางหรือวิ่งจะ แกว่งหางไปมา เวลายืนหากมั่นใจว่าปลอดภัยจะยกหางสูงขึ้นเลยระดับตัวเล็กน้อย เรียกว่าหางจิ้งจอก
ขน
เนื่องจากหมาบางแก้วเป็นลูกผสมที่มี 3 สายเลือด คือ หมาใน หมาจิ้งจอก และหมาไทยพื้นบ้าน ลักษณะสีขนจึงมีสีดังต่อไปนี้คือ สีน้ำตาลแก่สีขาวปลอด สีดำปลอด สีด่างขาวน้ำตาล สีด่างขาว-ดำ และ สีนาค ซึ่งปัจจุบันนี้คงจะสูญพันธุ์ไปแล้ว หมาบางแก้วยังมีลักษณะเด่นอยู่อย่างหนึ่งคือจะมีจุดแต้มตามลำตัว และที่ขา ถ้าสุนัขสีดำ-ขาว จุดแต้มก็จะมีสีน้ำตาลแดง
ขนตามลำตัว
มีลักษณะเป็นขนสองชั้น ชั้นแรกเป็นขนตามลำตัว เป็นขนที่สั้นและอ่อนนุ่มและหนากว่าขนชั้นที่ 2 ขนชั้นที่ 2 เป็นขนเส้นยาว ๆ เริ่มต้นจากท้ายทอย ผ่านต้นคอแผ่กระจายลงไปถึงหนอกหลัง กลางหลัง และโคนหาง บริเวณนี้มีลักษณะคล้ายอานม้า ขนที่บริเวณอกค่อนข้างหนาคล้ายแผงคอ ขนที่สีข้างค่อนข้างยาว สำหรับลูกสุนัขที่มีอายุประมาณ 1-2 เดือน มักจะมีขนหนาปุกปุยและเส้นละเอียดอ่อนนุ่มมือ
ขาหลัง
จะขนานกัน เอนลาดไปข้างหลังเล็กน้อย บริเวณแก้วก้นหรือต้นขาส่วนใหญ่จะมีขนยาวปุกปุยคล้ายปุยนุ่นปกคลุมบริเวณ แก้มก้นและแถบใต้โคนหาง เวลาเคลื่อนไหวจะรับกับหางที่ปัดไปปัดมา
ขา
ขาหน้าเหยียดตรงขนานกัน แต่ค่อนข้างใหญ่กว่าขาหลัง และใหญ่กว่าหมาไทยทั่วๆ ไป บริเวณโคนขาส่วนที่ติดกับลำตัวจะมีขนเส้นยาว ๆ ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่า "ขาสิงห์"
นิ้ว
ชิดติดกันที่นิ้วของหมาที่อายุน้อยจะมีขนยาวปกคลุมคล้ายนิ้วเท้า ของสุนัขจิ้งจอก ซึ่งต่างกับหมาไทยทั่ว ๆ ไปที่อายุยังน้อย ๆ อยู่นั้น ขนที่นิ้วเท้าจะไม่ยาว จะเริ่มยาวเมื่อมีอายุมากขึ้น เวลาเดินมักจะโหย่งเท้า
ท้อง
ลักษณะท้องจะไม่คอดกิ่วเหมือนหมาไทยทั่วๆ ไป ลำตัวค่อนข้างจะกลมและหนากว่าหมาไทย แต่อกไม่ลึกเท่ากับหมาไทยทั่ว ๆ ไป
หลัง
ค่อนข้างจะแบน
ขนาด
ตัวผู้สูงประมาณ 45-53 เซนติเมตร (19-21 นิ้ว) ตัวเมียสูงประมาณ 43-48 เซนติเมตร (17-19 นิ้ว) ตัวผู้หนักประมาณ 14-16 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 13-15 กิโลกรัม
สี
มีหลายสี เช่น สีด่างขาว-ดำ, สีขาว-น้ำตาล, สีขาว-เทา
ลักษณะทั่วไป
เป็นสุนัขขนาดกลาง รูปทรงตั้งแต่ช่วงขาหน้าถึงขาหลังเป็นสามเหลี่ยมจัตุรัส อกกว้างและลึกได้ระดับกับข้อศอก ไหล่กว้าง ท้องไม่คอดกิ่ว ปากแหลม หูเล็ก หางพวง ขนมี 2 ชั้น รักเจ้าของ ฉลาด ปราดเปรียว กล้าหาญ ค่อนข้างดุ สามารถฝึกใช้งานได้ ชอบเล่นน้ำมาก และเกลือกโคนตม
2. หางพุ่งไปด้านหลังแล้วโค้งตั้งขึ้นเหมือนหางดาบ ถ้าหางยาวจะโค้งมาจรดหลัง ถ้ายาวมากจะเบี่ยงลงข้าง ถ้าหางเป็นพวงใหญ่มีน้ำหนักมาก หางจะไพล่ห้อยลงข้างตัว ซึ่งส่วนใหญ่หมาบางแก้วจะมีหางลักษณะนี้
3. หางเป็นพวงลาดแบบแทงดิน ยาวห้อยลงอย่างหางม้า เวลาดีใจ เมื่อเดินทางหรือวิ่งจะ แกว่งหางไปมา เวลายืนหากมั่นใจว่าปลอดภัยจะยกหางสูงขึ้นเลยระดับตัวเล็กน้อย เรียกว่าหางจิ้งจอก
ขน
เนื่องจากหมาบางแก้วเป็นลูกผสมที่มี 3 สายเลือด คือ หมาใน หมาจิ้งจอก และหมาไทยพื้นบ้าน ลักษณะสีขนจึงมีสีดังต่อไปนี้คือ สีน้ำตาลแก่สีขาวปลอด สีดำปลอด สีด่างขาวน้ำตาล สีด่างขาว-ดำ และ สีนาค ซึ่งปัจจุบันนี้คงจะสูญพันธุ์ไปแล้ว หมาบางแก้วยังมีลักษณะเด่นอยู่อย่างหนึ่งคือจะมีจุดแต้มตามลำตัว และที่ขา ถ้าสุนัขสีดำ-ขาว จุดแต้มก็จะมีสีน้ำตาลแดง
ขนตามลำตัว
มีลักษณะเป็นขนสองชั้น ชั้นแรกเป็นขนตามลำตัว เป็นขนที่สั้นและอ่อนนุ่มและหนากว่าขนชั้นที่ 2 ขนชั้นที่ 2 เป็นขนเส้นยาว ๆ เริ่มต้นจากท้ายทอย ผ่านต้นคอแผ่กระจายลงไปถึงหนอกหลัง กลางหลัง และโคนหาง บริเวณนี้มีลักษณะคล้ายอานม้า ขนที่บริเวณอกค่อนข้างหนาคล้ายแผงคอ ขนที่สีข้างค่อนข้างยาว สำหรับลูกสุนัขที่มีอายุประมาณ 1-2 เดือน มักจะมีขนหนาปุกปุยและเส้นละเอียดอ่อนนุ่มมือ
ขาหลัง
จะขนานกัน เอนลาดไปข้างหลังเล็กน้อย บริเวณแก้วก้นหรือต้นขาส่วนใหญ่จะมีขนยาวปุกปุยคล้ายปุยนุ่นปกคลุมบริเวณ แก้มก้นและแถบใต้โคนหาง เวลาเคลื่อนไหวจะรับกับหางที่ปัดไปปัดมา
ขา
ขาหน้าเหยียดตรงขนานกัน แต่ค่อนข้างใหญ่กว่าขาหลัง และใหญ่กว่าหมาไทยทั่วๆ ไป บริเวณโคนขาส่วนที่ติดกับลำตัวจะมีขนเส้นยาว ๆ ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่า "ขาสิงห์"
นิ้ว
ชิดติดกันที่นิ้วของหมาที่อายุน้อยจะมีขนยาวปกคลุมคล้ายนิ้วเท้า ของสุนัขจิ้งจอก ซึ่งต่างกับหมาไทยทั่ว ๆ ไปที่อายุยังน้อย ๆ อยู่นั้น ขนที่นิ้วเท้าจะไม่ยาว จะเริ่มยาวเมื่อมีอายุมากขึ้น เวลาเดินมักจะโหย่งเท้า
ท้อง
ลักษณะท้องจะไม่คอดกิ่วเหมือนหมาไทยทั่วๆ ไป ลำตัวค่อนข้างจะกลมและหนากว่าหมาไทย แต่อกไม่ลึกเท่ากับหมาไทยทั่ว ๆ ไป
หลัง
ค่อนข้างจะแบน
ขนาด
ตัวผู้สูงประมาณ 45-53 เซนติเมตร (19-21 นิ้ว) ตัวเมียสูงประมาณ 43-48 เซนติเมตร (17-19 นิ้ว) ตัวผู้หนักประมาณ 14-16 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 13-15 กิโลกรัม
สี
มีหลายสี เช่น สีด่างขาว-ดำ, สีขาว-น้ำตาล, สีขาว-เทา
ลักษณะทั่วไป
เป็นสุนัขขนาดกลาง รูปทรงตั้งแต่ช่วงขาหน้าถึงขาหลังเป็นสามเหลี่ยมจัตุรัส อกกว้างและลึกได้ระดับกับข้อศอก ไหล่กว้าง ท้องไม่คอดกิ่ว ปากแหลม หูเล็ก หางพวง ขนมี 2 ชั้น รักเจ้าของ ฉลาด ปราดเปรียว กล้าหาญ ค่อนข้างดุ สามารถฝึกใช้งานได้ ชอบเล่นน้ำมาก และเกลือกโคนตม
ข้อบกพร่อง
ใบหูพลิ้ว ไม่มีขนแผลรอบคอ ขาหน้าเล็ก ไม่มีแข้งสิงห์ ไม่มีขนคลุมนิ้ว เท้า หูใหญ่ หางขอด ขนหลุดร่วง ฟังบนยื่นกว่าฟันล่างหรือฟันล่างยื่นกว่าฟันบน ปากใหญ่ ตาใหญ่ หูไม่ตั้ง หางไม่เป็นพวง ขนสั้น อัณฑะเม็ดเดียว ฟันหัก 3 ซี่ขึ้นไป โดยไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ หางขาด ปากหู่ ตากลม เส้นหลังแอ่นคำแนะนำในการสังเกตลูกสุนัขบางแก้ว
2. บางตัวมีสีดำแล้วจะค่อยเปลี่ยนเป็นสีสนิมเหล็กเมื่อโตขึ้น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากสายเลือด ของหมาไนที่ออกลูกเป็นสีดำในช่วงแรก แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดงสนิมเหล็ก
3. มีแนวของขนแผงคอเห็นได้อย่างชัดเจน โคนหางอวบใหญ่
4. มีลักษณะของแนวขนแข้งสิงห์ที่ด้านหลังของขาหน้า
5. ขาจะใหญ่และแข็งแรงกว่าสุนัขไทยทั่วไป
6. ขนยาวเป็นปุยนุ่มมือ มีลักษณะเป็นขนสองชั้น
7. เมื่อสุนัขโตขึ้นอายุประมาณ 1 เดือน จะมีนิสัยชอบเล่นน้ำและชอบอาบน้ำ ซึ่งแตกต่างไปจาก สุนัขไทยทั่วไป
8. หน้าแด่นหรือแบ่งเป็นเส้นจากปลายปากถึงกะโหลกศีรษะ ถ้ามีน้อยไม่ยาวมากเรียก "แด่น" แต่ถ้าเส้นยาวมีมากและแยกส่วนศีรษะออกเป็นสองส่วนแรก "แบ่ง"
9. ปลายปากแหลมเล็ก ปลายปากยาว (ขาวเป็นวงรอบปลายปาก) เรียกว่า "คาบแก้ว"
10. มีสีแต้มด่างตามมาตรฐาน
สาเหตุที่สุนัขบางแก้วดุ
การเลือกลูกสุนัชบางแก้ว
ในการเลือกลูกสุนัขนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเพื่อนำไปเลี้ยง ต้องแน่ใจก่อนว่าสมาชิกใน ครอบครัวของเราทุก ๆ คนต้องการสุนัขชนิดนี้อย่างแท้จริง เพราะสุนัขฉลาดพอที่จะรู้ว่าคุณต้องการมัน จริง ๆ หรือไม่ ถ้าลูกสุนัขรู้สึกว่ามันไม่เป็นที่ต้องการอย่างแท้จริงแล้ว คุณจะต้องเลี้ยงสุนัขที่ไม่มีความสุขไปตลอด จนในที่สุดมันจะกลายเป็น "สุนัขมีปัญหา" ซึ่งคุณอาจต้องเลี้ยงสุนัขที่ไม่เป็นที่ต้องการไปอีก 10-15 ปี ทีเดียว ก่อนซื้อควรเลือกให้ดีและแน่ใจเสียก่อนว่าตัวนี้แหละเป็นสุนัขที่เกิดมา สำหรับคุณจริง ๆ
นอกเหนือจากการอ่านวิธีการเลี้ยงแล้ว วิธีที่ดีที่สุดในการเลี้ยงก็คือ ศึกษาจากคนรอบ ๆ ข้างที่เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ ทุกคนอยากคุยเรื่องสุนัขของตัวเองให้เพื่อนบ้านฟังกันทั้งนั้น รวมทั้งคุณด้วย
เพศและอายุของสุนัข
ก่อนจะซื้อลูกสุนัข ควรตัดสินใจก่อนว่าคุณต้องการสุนัขตัวผู้หรือตัวเมีย เพราะมันเป็นเรื่องความชื่นชอบส่วนตัว แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นสุนัขเพศใด มันก็น่ารักเท่า ๆ กัน รวมทั้งลักษณะท่าทางก็เหมือนกัน และมันก็สามารถจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีได้พอ ๆ กันทั้งสองเพศด้วย
การจะเลือกลูกสุนัขไปเลี้ยงหากไม่แน่ใจว่าจะเลือกลูกสุนัขเพศไหนไปเลี้ยงดีก็ให้พิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้ คือ
สุนัขเพศเมียจะเป็นสัดปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3-4 วัน ช่วงนี้สุนัขเพศเมียอยากจะผสมพันธุ์ จึงชอบออกเที่ยว ไม่ค่อยจะยอมเชื่อฟัง และมีกลิ่นเพศเมียขจรขจายออกไป เพื่อดึงดูดสุนัขเพศผู้ให้มาหา ผู้เลี้ยงจึงต้องคอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดการผสมกับสุนัขที่คุณไม่ต้องการหรือเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ แต่ก็มีทางแก้ไขได้โดยให้กินยาเม็ดจำพวกดับกลิ่นเพศในช่วงที่เป็นสัด เพื่อดับกลิ่นเพศเมีย หรือทำหมันสุนัขเพศเมียนั้น ถ้าไม่ต้องการลูกสุนัขอีก
ส่วนสุนัขเพศผู้ที่แข็งแรงจะไม่สามารถหักห้ามใจในกลิ่นของสุนัข เพศเมียได้ มันจะหงุดหงิดและหาทางออก เพื่อไปหาสุนัขเพศเมีย ถ้าไม่มีการกักขัง สุนัขเพศผู้อาจจะหายไปครั้งละหลาย ๆ วัน เพื่อที่จะไปเฝ้าวนเวียนอยู่บริเวณบ้านของสุนัขตัวเมียที่เป็นสัดนั้น และไม่ยอมกลับมา นอกจากนี้สุนัขเพศผู้มักชอบทำเครื่องหมายบ่งบอกอาณาเขตของตนให้สุนัขตัวอื่น รู้ โดยการฉี่รดตามจุดต่าง ๆ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไปทั่ว และเมื่อพาสุนัขเพศผู้ออกไปเดินเล่น มันจะดมกลิ่นไปเรื่อย ๆ และก็จะทำเครื่องหมายไปตลอดทาง
อย่างน้อยสามในสี่ส่วนของผู้ที่ต้องการเลี้ยงสุนัข ต้องการลูกสุนัขที่ค่อนข้างเล็กกว่าสุนัขรุ่น ๆ หรือสุนัขหนุ่ม เพราะชอบที่จะที่จะคอยเฝ้าดูการเจริญเติบโตของลูกสุนัข จากลูกสุนัขตัวน้อยๆ น่ารักที่นอนแอ้งแม้งเหยียดแข้งเหยียดขามาเป็นสุนัขแรกรุ่น ลูกสุนัขที่มีอายุ 2 ? - 3 เดือนนั้น นับว่าโตได้ที่แล้ว ในวัยนี้ลูกสุนัขจะหย่านมแล้วและจะเป็นอิสระ ไม่ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่จากแม่สุนัขแต่อย่างใด เป็นวัยที่พร้อมจะรับบทเรียน ลูกสุนัขจะเริ่มเข้าใจและเอาใจใส่กับบทเรียนและทำความคุ้นเคยกับที่อยู่
แต่ถ้าลูกสุนัขมีอายุน้อยกว่า 2 ? เดือน ลูกสุนัขจำเป็นได้รับการเอาใจใส่จากแม่สุนัขตลอดเวลา ผู้เลี้ยงจึงต้องมีภาระมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ลูกสุนัขในวัยนี้หรือวัยที่โตพอจะหย่านมแล้วราคาคงไม่แตกต่างกันมากนัก
แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลาและความพร้อม ควรเลือกซื้อสุนัขที่โตแล้ว มีพัฒนาการทางร่างกายสมบูรณ์ การเลือกสุนัขโตนั้นถ้าต้องการจะฝึกสอนหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของมัน อาจจะทำได้ยากกว่าการฝึกลูกสุนัข การฝึกลูกสุนัขโตต้องอาศัยความอดทนและใจเย็น เพราะการจะไปเปลี่ยนพฤติกรรมของสุนัขทันทีทันใดนั้น อาจจะทำให้สุนัขเกิดอาการก้าวร้าวอย่างชนิดที่คาดไม่ถึงหรืออาจจะทำร้ายเรา ก็ได้
เพื่อโชว์หรือเพื่อดูเล่น
แม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะเหมาะสำหรับเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่น หรือพึ่งพา เพราะความที่มันมีเชื้อสายดีก็ตาม แต่มันเป็นการดีที่เราจะถามตัวเองให้ชัดเจนไปเลยว่า จุดประสงค์ที่เราต้องการเลี้ยงสุนัขเพื่ออะไร เพื่อเราจะได้ตัดสินใจเลือกลูกสุนัขที่เหมาะกับความต้องการของเรา สุนัขไม่ว่าสายพันธุ์ใดก็ตามมีอยู่ด้วยกัน 2 เกรด ได้แก่ เกรด Show Quality คือลูกสุนัขตัวนั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่มีมากกว่าลูกสุนัขในคอกเดียวกัน เช่น แม่สุนัขคลอดลูกออกมา 7 ตัว โอกาสที่จะมีลูกเกรด Show Quality อาจมีเพียง 1-2 ตัว หรืออาจไม่มีเลยก็ได้ ดังนั้นลูกสุนัขในเกรดนี้จะมีราคาสูงกว่าลูกสุนัขที่เหลือในคอก โดยเราจะเรียกกลุ่มที่เหลือว่า เกรด Pet Quality จะเหมาะสำหรับผู้ที่เลี้ยงเพิ่งเริ่มเลี้ยง ซึ่งราคาจะไม่แพงเท่ากับลูกสุนัขในเกรด Show Quality ผู้ที่ต้องการเลี้ยงไว้ดูเล่นก็สามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่า เพราะลักษณะมันอาจจะไม่ตรงกับมาตรฐานหรือไม่สมบูรณ์แบบมากพอที่จะเป็นสุนัข ในเกรด Show Quality ได้ ทั่ว ๆ ไปแล้วผู้เลี้ยงที่ชำนาญจะสามารถระบุได้เลยถึงความแตกต่างระหว่างสุนัขที่ เลี้ยงไว้ดูเล่นกับสุนัขแข่งโชว์ สุนัขที่เลี้ยงไว้เพื่อโชว์นั้นจะมีราคาแพงกว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ดูเล่น เพราะมันสามารถเข้าประกวดแข่งขันได้ ถ้าถามว่าสุนัขเกรด Show Quality นี้ดูได้จากอะไร ส่วนมากผู้ผสมพันธุ์ (Breeder) ที่สหรัฐฯมักจะใช้การดูจากกะโหลก ขา สี ตา ข้อตะโพก หัวใจ ที่จะต้องตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ รวมไปถึงการเคลื่อนย้ายตัวอย่างสวยงาม พร้อมองค์ประกอบร่วมอีกหลายอย่าง
ปัจจุบันการเลือกซื้อลูกสุนัขของคนไทยนั้น ความคิดส่วนใหญ่พออยากให้ลูกสุนัขก็ตรงไปซื้อเลย ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้อง ก่อนอื่นควรศึกษาถึงมาตรฐานสายพันธุ์ รูปร่างหน้าตา โครงสร้าง สีที่ถูกต้อง รวมไปถึงขนาดให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อและตัดสินใจ บางคนซื้อสุนัขราคาถูกกว่ามาตรฐานและบอกว่าเกรดเดียวกัน ตอบได้เลยว่าคุณถูกคนขายต้มตุ๋นเข้าแล้ว
มีสถานที่และเวลาที่เหมาะสมหรือเปล่า
สถานที่นั้นนับเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องคำนึงเป็นอย่างมาก ถ้าผู้ซื้อมีบ้านที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีสนามให้สุนัขวิ่งเล่นออกกำลังกายได้ นับว่าเป็นการดีอย่างยิ่ง เพราะสุนัขจำเป็นต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ รูปร่างจึงจะสวยงาม แต่ถ้ามีพื้นที่คับแคบ ก็ควรให้สุนัขเดินมาก ๆ เป็นประจำทุก ๆ วัน
สุนัขทุกตัวต้องการการดูแลและความรักจากผู้เป็นเจ้าของ เราจึงต้องสละเวลาบ้างเพื่อที่จะเล่นกับมัน พามันไปออกกำลังกาย แปรงขน ทำความสะอาด พาไปพบสัตวแพทย์ ฯลฯ
จะซื้อได้ที่ไหน
ถ้าคุณต้องการเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ และจะเสาะหาสุนัขที่ต้องการ นับว่าเป็นงานหนักไม่น้อย บางครั้งก็ออกจะน่าเบื่อ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นงานที่สนุกและท้าทายไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือตระเวนไปตามร้านขายสุนัขหรือคอกเพาะพันธุ์สุนัข ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควรสังเกตก็คือ ที่ตั้งและขนาดของสถานที่หรือคอกนั้น ๆ จะต้องสะอาด เพราะถ้าการจัดการของฟาร์มใดที่คุณจะซื้อดูสกปรก เลอะเทอะ ไม่เป็นระเบียบ อึดอัด คับแคบ ไม่มีที่ให้สุนัขวิ่งเล่นเพื่อออกกำลังกาย ก็อาจส่งผลกระทบให้พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์เกิดอาการเครียด ซึ่งจะส่งผลไปยังลูกสุนัขที่เกิดมา แถมความสกปรกยังอาจเป็นตัวนำเชื้อโรคมาสู่ลูกสุนัขได้อีกด้วย ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ย่อมส่งผลต่อสุขภาพของลูกสุนัข
วิธีการคัดเลือกลูกสุนัขอย่างถูกต้องก่อนตัดสินใจซื้อนั้น คุณต้องเริ่มดูตั้งแต่พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ของตัวลูกสุนัข แม่พันธุ์จะต้องมีลักษณะที่ดี ตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ มีคุณภาพไม่แพ้พ่อพันธุ์เช่นกัน เพราะถ้าแม่พันธุ์ดีการให้ลูกก็จะมีคุณภาพดีเช่นกัน สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือดูแววตาว่าสดชื่นหรือเปล่า พ่อพันธุ์ที่ดีจะต้องมีการออกกำลังกายอยู่เสมอ และกินอาหารอย่างถูกต้องครบถ้วน จากนั้นก็ดูที่ข้อตะโพกหรือ Hip ว่าการเดินทางการเคลื่อนตัวไปข้างหน้ามีการเจ็บหรือขัดหรือเปล่า สุดท้ายก็เรื่องของสี
ส่วนของแม่พันธุ์ก็จะดูถึงขนาดว่าใหญ่เกินมาตรฐานหรือเปล่า หรือเล็กเกินไป เคยถ่ายลูกออกมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาตามมาหรือเปล่า แม่พันธุ์หรือพ่อพันธุ์ที่ดีควรผสมเมื่ออายุ 2 ปี ขึ้นไป หรือช่วงเป็นสัดครั้งที่ 3 เพื่อจะได้โตเต็มที่ และถ่ายลูกออกมาได้คุณภาพมากที่สุด เมื่อคุณพอใจกับพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์แล้ว ขั้นต่อไปก็ขอดูใบ Pedigree พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ประวัติสายเลือดเพิ่มเติมเสียหน่อย ว่ามีสายเลือดใกล้ชิดกันหรือเปล่า สายเลือดเคยเป็นแชมเปี้ยนหรือเปล่า เพราะคำกล่าวที่ว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" นั้นยังใช้ได้ดีอยู่ สิ่งเหล่านี้เราสามารถสอบถามได้จากเจ้าของคอกเพาะพันธุ์ เพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดในการนำมาพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อสุนัข
และอีกประการหนึ่งเราต้องคำนึงถึงความมีชื่อเสียงของคอกเพาะ พันธุ์ ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้มา ก่อน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยคอกเพาะพันธุ์สุนัขที่เชื่อถือได้
ผู้ผสมพันธุ์และคอกเพาะพันธุ์ที่ไว้ใจได้ แนะนำให้คุณนำลูกสุนัขไปตรวจเช็คร่างกาย และจะให้เวลาคุณอย่างน้อย 2 วันเพื่อรอผล ถ้าหากผลการตรวจสุขภาพออกมาไม่เป็นที่พอใจ คุณสามารถนำเหตุผลไปให้ที่ร้านเพื่อเลือกลูกสุนัขตัวใหม่ หรือขอเงินคืนก็ได้ (ขึ้นอยู่กับข้อตกลง) ควรแน่ใจว่าคุณได้ทำทุกอย่างตามคำแนะนำก่อนจะซื้อลูกสุนัข
แต่สุดท้ายก็ขอเตือนผู้ที่จะเลือกซื้อสุนัขสายพันธุ์ดีมาเลี้ยง กับเขาสักตัว ต้องเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ ควรสังเกตหรือพิจารณาตามหลักความจริง อย่าหลงเชื่อคำพูดของผู้ขายเสียทั้งหมด ไม่เช่นนั้นอาจต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เสียทั้งเงินและเสียทั้งความตั้งใจเปล่า ๆ
สัญลักษณ์แห่งสุขภาพที่ดี
การเลี้ยงสุนัขดีเป็นมิตรที่ดีกับครอบครัว ต่างจากสุนัขที่เอาไว้โชว์ ซึ่งจะยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย บ่อยครั้งที่ลูกสุนัขเตะตาคุณอย่างจัง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเรียกว่าเป็นรักแรกที่อาจเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ที่กล่าวว่ามันเป็นสุนัขที่เกิดมาสำหรับคุณ ถ้าเราเชื่อสายตาและมือของเรา ก็จะบอกได้ว่าสุนัขตัวนี้รู้สึกอย่างที่เรารู้สึกหรือไม่ เมื่อคุณเลือกซื้อลูกสุนัขมาเลี้ยง จงอย่างรีบร้อนในการเลือกหา ยิ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับลูกสุนัขนานแค่ไหน คุณก็ยิ่งเข้าใจลูกสุนัขมากแค่นั้น หลักพิจารณาในการเลือกซื้อสุนัข คือ
1. มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีอายุสมขนาดของตัวที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ตัวเล็กหรือใหญ่เกินไป ดูสมส่วน ร่าเริง ชอบเล่น ไม่อยู่นิ่ง ไม่หงอยเหงาเศร้าซึม ไม่แสดงกิริยาก้าวร้าวหรือตื่นตกใจเกินเหตุ ท่าทางการเดินหรือวิ่งเป็นปกติ ขาแข็งแรง เมื่อยกลูกสุนัขขึ้น โดยใช้สองมือประคองที่ขาหนีบหน้าของสุนัขเป็นปกติดีหรือไม่ ไม่มีอาการใด ๆ ที่แสดงว่าเจ็บป่วย
2. เปิดดูภายในช่องหู ควรจะแห้ง สะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น ปราศจากก้อนแข็ง ๆ รอยแผลและ สิ่งสกปรก จมูกเย็นชื้น (ถ้าแห้งแสดงว่าไม่สบาย) สะอาด ไม่มีน้ำมูก
3. เปิดปากสำรวจลิ้น ฟัน และเหงือก โดยลิ้นและเหงือกควรมีสีชมพู และเขี้ยวควรอยู่ตำแหน่งที่ เหมาะสม
4. ดวงตาต้องสดใสเป็นประกาย สว่าง ไม่ขุ่นมัว สะอาด และปราศจากขี้ตาและน้ำตา สุนัขควร ลืมตาได้เป็นปกติ ไม่มีอาการกระพริบตาบ่อย ๆ ควรหลีกเลี่ยงสุนัขที่ใช้อุ้งเท้าแคะตาบ่อย ๆ
5. ขนเป็นมันเงา นุ่ม ใช้ฝ่ามือลูกขนสุนัขให้ทั่ว เพื่อสำรวจผิวหนัง รอยแผลเป็น ฝุ่นดำ ๆ ซึ่งเป็น ไข่ของเห็บหรือหมัด ให้ดูด้วยว่าขณะลูกสุนัขแสดงอากาศเจ็บปวดหรือไม่
6. ดูใต้หางของสุนัขว่าทวารหนักปราศจากรอยเปื้อนของอุจจาระ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสุนัขกำลัง ท้องเสีย
7. สุนัขไม่ไอหรือแสดงอาการอื่น ๆ ที่ผิดปกติ เช่น ท้องไม่โต หรือป่องเกินไป เพราะอาจมีพยาธิ
8. ส่วนเรื่องของสี ในการดูลูกสุนัขนั้นไม่ใช่ว่าจะเข้มหรืออ่อนเพียงอย่างเดียว ควรดูตำแหน่งของ สีหรือจุดแต้มสีด้วยว่าออกโทนเดียวหรือเปล่า สีเป็นส่วนหนึ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม สุนัขบางตัวรูปร่าง ทุกอย่างสวยหมด แต่ตำแหน่งของสีผิดเพี้ยนไปก็จะกลายเป็นข้อบกพร่องไป
very good information krab. Thank you krab.
ตอบลบกรณีที่บ้านเป็นร้านค้าถ้าเราเอาลูกหมาได้คุ้นเคยกับลูกค้าบ่อยเป็นการดีใหมคับ เพราะหมาที่เราชื้อมา ชื้อมาแบบไม่รู้สายพันธุ์
ตอบลบ