จันทารา วัลเล่ย์ วังน้ำเขียว ( Chantara Valley )
จันทารา วัลเล่ย์ วังน้ำเขียว
วังน้ำเขียว ผมเคยได้ยินแต่ชื่อรู้ว่าอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา รู้ข่าวมาบ้างว่าบางรีสอร์ทมีการบุกรุกที่ป่าไม้และทางกรมป่าไม้สั่งให้รื้อถอน และอากาศดีมากเป็นสถานที่ที่มีโอโซนเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ได้มีชื่อว่า สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน อยู่ในหุบเขา มีรีสอร์ทสวยๆมากมาย อยู่ใกล้เขาใหญ่ นี่คือความรู้ทั้งหมดที่ผมมีกับวังน้ำเขียว มีแค่นี้จริงๆ และการมาพักผ่อนในครั้งนี้ผมเลือกมาฤดูหนาว เริ่มต้นจาก Agoda เหมือนเดิมครับ Search Google คำว่า เที่ยววังน้ำเขียว Agoda แล้วก็เริ่มดูคะแนนรีวิวจากคนที่เคยมาพักวิจารณ์กัน และก็ดูภาพสถานที่โดยรอบ ห้องพัก และอื่นๆประกอบ ที่ผมตัดสินใจเลือกพักที่นี่บอกตรงๆก็คือ ผมชอบป้ายปูนของที่พักแห่งนี้ทำไว้สวยเลยทีเดียวครับ ลานกางเต้นท์ก็สวยและที่สำคัญมีโลโก้ของเครื่องดื่มยี่ห้อที่ผมชอบเป็นพิเศษ 3 อย่างนี้เป็นเหตุให้ผมเลือกพักที่นี่ครับ แต่ปัญหาก็คือที่พักคืนวันเสาร์เต็มตลอดไปจนถึงเดือนหน้า แต่ยังไงผมก็ยืนยันในการพักผ่อนที่นี่ การแก้ปัญหาก็มีอยู่ทางเดียวครับ พักวันอื่นที่ไม่ใช่คืนวันเสาร์ และก็โชคดีครับ วันอื่นๆที่พักว่างพอสมควร ผมจึงทำการจองผ่าน Agoda ตามที่คุ้นเลย
ลานกางเต้นท์รูปเกือกม้าของทางที่พัก
การเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตรครับ บวก ลบ นิดหน่อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงครับ ผมเลือกเดินทางโดนเส้นทาง Motorway โดยทางออกฉะเชิงเทราผ่านพนมสารคามและกบินทร์บุรี มุ่งหน้าสู่เขาแผงม้า วังน้ำเขียว ผมว่าเส้นทางนี้วิ่งง่ายทางค่อนข้างดี วิ่งตรงตลอดครับ แต่จะเสียเวลาตอนขึ้นเขาหน่อย เพราะเป็นเขตห้ามแซงและสิบล้อวิ่งเยอะมาก จึงทำให้เสียเวลากับตรงนี้ครับ ส่วนทางขึ้นเขาไม่ลาดชันครับ รถทุกประเภทขับขึ้นได้สบายๆ ทางเข้าที่พักมีป้ายบอกทางไว้อย่างชัดเจน ไม่หลงแน่นอนครับ อันนี้ต้องขอชมครับเพราะที่พักบางที่หาป้ายบอกทางไม่ค่อยเจอ
สำนักงานและที่รับประทานอาหารของ จันทารา วัลเล่ย์ วังน้ำเขียว
จากถนนเส้นหลักมาเรื่อยๆ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางวังน้ำเขียว วิ่งตรงมาสักพัก (ทางเดียวกับทางไปฟลอร่า วังน้ำเขียว แต่ถึงก่อนประมาณ 1 กิโลเมตร ) ทางซ้ายจะมีป้ายบอก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป ทางจะเป็นทางเล็กๆ ค่อนข้างชัน และมีฝุ่นพอสมควร เข้าไปไม่ไกลก็จะถึงครับ มาถึงที่พักติดต่อกับน้องที่เคาน์เตอร์เลยครับ ผมเลือกพักบ้านฮันนีมูนเป็นห้องพักเตียงคู่ ห้องขนาดกลางอยู่แถวที่สองแต่ติดถนน และเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดคือ ขับรถขึ้นมาจอดข้างๆบ้านได้เลย เพราะวันนั้นไม่มีคนมาพักที่ลานเต้นท์
บริเวณเคาน์เตอร์
พอเข้าถึงที่ห้องพัก ก็สำรวจก่อนครับ ที่นี่ไม่มีกาต้มน้ำร้อนครับ ถ้าใครพาเด็กเล็กมาผมแนะนำให้นำกระติกต้มน้ำร้อนมาเองครับ และ ห้องอาบน้ำมีอยู่ด้วยกัน 2 ห้องและ 2 แบบด้วยกันครับ ส่วนอื่นๆก็เหมือนกับที่พักอื่นๆตามปกติครับ ในตู้เย็นก็เหมือนๆกันครับมีเครื่องดื่มที่เป็นน้ำเปล่าให้ 2 ขวด และเครื่องดื่มอื่นๆ เบียร์สิงห์กระป๋องละ 60 บาท น้ำแร่ 20 บาท ราคาประมาณนี้ครับ พอถึงวางข้าวของขนข้าวของเสร็จแล้วก็ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบครับ จะมีบริเวณกว้างพอสมควร โดยเฉพาะลานกางเต้นท์ที่อยู่ตรงข้ามซึ่งมีถนนกั้นไว้ และจัดสวนไว้อย่างสวยเลย สาวๆและตากล้องคงชอบกัน โดยเฉพาะเด็กๆ วิ่งกันสนุกไปเลย สวนอยู่ใกล้กับที่รับประทานอาหาร
ลานสวนหย่อม
ส่วนเรื่องอาหารเย็นผมไม่แน่ใจว่าในรีสอร์ทนี้มีหรือเปล่าครับ เพราะว่าผมไปนั่งดื่มมา 1 ขวด ไม่มีใครไปสั่งอาหารเลย แต่ถ้าออกไปกินข้างนอกก็ไม่ไกลครับ ปากทางออกมีร้านอาหารอยู่หลายร้านเลย แต่ว่าอาหารเช้า ฟรี ครับ อาหารเช้าก็มีไม่มากแต่อร่อยสุดๆ ทำคล้ายๆกับโฮมสเตย์ มีข้าวต้มหมูเด้งเห็ดหอมสด ที่อร่อยมากถึงอร่อยที่สุดที่มีพี่แม่ครัวคอยบริการตักให้ และใจดีมากเพราะว่าเติมได้ตลอดครับ อย่างที่ 2 ขนมปังปิ้งทาเนยหรือเยมสตอเบอรี่และสับปะรด อย่างที่ 3 ก็ปลาท่องโก๋ นมข้นหวาน โอวันติน-กาแฟ ครัวเช้าเปิดให้บริการ 08.00-09.30 น. ครับ
อาหารเช้า
ข้าวต้มหมูเด้งเห็ดหอมสดสุดอร่อย
ในวันที่ผมไปพัก อากาศเริ่มหนาวเป็นวันแรกๆ ประมาณ 17-19 องศาได้ ลมพัดแรงเป็นช่วงๆ ส่วนส่วนตัวแล้วประทับใจกับที่นี่ครับ บริการเป็นกันเอง อาหารอร่อย พี่แม่ครัวใจดี ที่พักสะอาด เตียงนอนใหญ่นิ่มนอนสบายไม่ปวดหลัง มีเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อยไว้บริการ ราคาที่พักปานกลางไม่แพงเวอร์ ธรรมชาติยังสมบูรณ์ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว "ฟลอร่า พาร์ค" เลยไปแค่ 1 กิโลเมตรกว่าๆ เองครับ (**ค่าบัตรเข้าชม ฟลอร่า พาร์ค วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุด 150 บาท วันธรรมดา 120 บาท แต่ถ้าซื้อบัตรที่ จันทารา วัลเล่ย์ ราคา 100 บาท ทุกวันครับ** )
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง "ฟลอร่า พาร์ค"